โรงแรมโอเรียนเต็ลในกรุงเทพมหานครถือเป็นหนึ่งในโรงแรมที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดในประเทศไทย โรงแรมนี้เปิดให้บริการเมื่อปี ค.ศ. 1887 โดยได้รับการออกแบบโดยช่างสถาปัตยกรรมชื่อดังจากอังกฤษ และเป็นหนึ่งในโรงแรมสถานที่อันเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ในบทความนี้เราจะพาไปชมความหรูของโรงแรมโอเรียนเต็ลในกรุงเทพมหานครและเปิดเผยเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับโรงแรมนี้ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้
ประวัติโรงแรมโอเรียนเต็ล
ความเป็นมาของโรงแรมโอเรียนเต็ล
โรงแรมโอเรียนเต็ลมีความเป็นมาเริ่มต้นเมื่อ ปี ค.ศ. 1863 โดยท่านโซฟิตา ซิโต้ ฮาสซุส ผู้เป็นเจ้าของโรงแรมโอเรียนเต็ลในกรุงลอนดอน ได้เปิดโรงแรมนี้ขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวยุโรป หลังจากนั้น โรงแรมโอเรียนเต็ลได้รับการส่งเสริมให้เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงและความหรู
สถานที่ตั้งและสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมโอเรียนเต็ล
สถานที่ตั้ง
โรงแรมโอเรียนเต็ลตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ในย่านสาทร ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา และมีทั้งหมด 358 ห้องพัก ซึ่งแต่ละห้องจะมีวิวที่สวยงามออกไปทั้งสิ้น
สิ่งอำนวยความสะดวก
โรงแรมโอเรียนเต็ลมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายสำหรับผู้เข้าพัก รวมถึงห้องอาหารที่มีความหรูหราและเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ สปา และฟิตเนส เพื่อให้ผู้เข้าพักได้มีความสุขสมบูรณ์และผ่อนคลายอย่างที่สุด
โรงแรมโอเรียนเต็ล บางกอก
การปรับปรุงโรงแรมโอเรียนเต็ล บางกอก
โรงแรมโอเรียนเต็ล บางกอก คือส่วนของโรงแรมโอเรียนเต็ลที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ โดยเปิดให้บริการเมื่อปี ค.ศ. 1974 โรงแรมนี้ได้ผ่านการปรับปรุงเป็นครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 2019 เพื่อให้ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
สิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรม
โรงแรมโอเรียนเต็ล บางกอกมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายสำหรับผู้เข้าพัก รวมถึงห้องพักที่หรูหราและมีวิวที่สวยงาม ห้องอาหารที่มีเมนูอาหารคุณภาพสูงและความหรูหรา สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนส และห้องสปา ที่เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีบริการที่มีคุณภาพอย่างเช่น บริการห้องอาหารส่วนตัว บริการรถลีมูฟที่ให้บริการฟรีสำหรับผู้เข้าพัก และบริการอื่นๆ ที่ทำให้ผู้เข้าพักมีประสบการณ์ที่หรูหราและมีคุณค่าอย่างสูงสุด
ความสำเร็จและรางวัลของโรงแรมโอเรียนเต็ล
โรงแรมโอเรียนเต็ลได้รับความสำเร็จอย่างมากในการบริการและในเรื่องของการตอบสนองความต้องการของลูกค้า เป็นที่รู้จักในฐานะของโรงแรมหรูหราและสถานที่ท่องเที่ยวต้องมากที่สุดในกรุงเทพมหานคร โรงแรมนี้ได้รับรางวัลจากหลายแหล่งอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัลจาก World Travel Awards ที่เป็นรางวัลที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และมีความสำคัญอย่างมากในระดับโลก หรือจะเป็นรางวัลจาก Conde Nast Traveler ที่เป็นตัวแทนของ ผู้เดินทางที่มาพักผ่อนที่โรงแรมโอเรียนเต็ลมักจะมีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและมีความประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นเพราะความหรูหราของโรงแรม บริการที่มีคุณภาพ หรือการเสริมสร้างประสบการณ์ที่เป็นความทรงจำที่ลูกค้าจะไม่ลืม จึงไม่แปลกใจที่โรงแรมโอเรียนเต็ลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องมาและได้รับความนิยมอย่างสูงในทุกวันนี้
คำถามที่พบบ่อย
โรงแรมโอเรียนเต็ลมีกี่ส่วนประกอบ?
โรงแรมโอเรียนเต็ลประกอบด้วยสองส่วน คือ โรงแรมโอเรียนเต็ลในกรุงเทพมหานครและโรงแรมโอเรียนเต็ลในแม่ฮ่องสอน
โรงแรมโอเรียนเต็ลมีห้องพักทั้งหมดกี่ห้อง?
โรงแรมโอเรียนเต็ลมีห้องพักทั้งหมด 358 ห้อง
โรงแรมโอเรียนเต็ลมีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง?
โรงแรมโอเรียนเต็ลมีสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลาย เช่น ห้องพักที่หรูหราและมีวิวที่สวยงาม ห้องอาหารที่มีเมนูอาหารคุณภาพสูงและความหรูหรา สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนส และห้องสปา เป็นต้น
โรงแรมโอเรียนเต็ลได้รับรางวัลอะไรบ้าง?
โรงแรมโอเรียนเต็ลได้รับรางวัลจากหลายแหล่งอย่างมากมาย เช่น รางวัลจาก World Travel Awards และ Conde Nast Traveler เป็นต้น
โรงแรมโอเรียนเต็ลให้บริการอะไรที่น่าสนใจ?
โรงแรมโอเรียนเต็ลมีบริการหลากหลายที่น่าสนใจ เช่น ห้องอาหารส่วนตัว บริการรถลีมูฟที่ให้บริการฟรีสำหรับผู้เข้าพัก และบริการอื่นๆ ที่ทำให้ผู้เข้าพักมีประสบการณ์ที่หรูหราและมีคุณค่าอย่างสูงสุด
โรงแรมโอเรียนเต็ลมีความเป็นมายังไง?
โรงแรมโอเรียนเต็ลเป็นโรงแรมหรูหราและมีชื่อเสียงที่สุดในกรุงเทพมหานคร เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1887 และได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าในทุกๆ ยุค
สรุป
โรงแรมโอเรียนเต็ลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและความสำคัญอย่างมากในกรุงเทพมหานคร มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายสำหรับผู้เข้าพัก รวมถึงบริการที่มีคุณภาพและมีชื่อเสียง โรงแรมนี้ได้รับรางวัลจากหลายแหล่งอย่าและยังมีความเป็นมาอันยาวนานและมีประวัติศาสตร์เชี่ยวชาญที่ต้องยกให้โรงแรมโอเรียนเต็ลว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนที่น่าสนใจอย่างยิ่งในกรุงเทพมหานคร
เปิดตำนานความหรู 140 ปีของ “โรงแรมโอเรียนเต็ล” | Mandarin Oriental Bangkok [VIDEO]
โรงแรมแห่งนี้คือโรงแรม Mandarin Oriental Bangkok หรือที่คนไทยทุกคนจะรู้จักกันดีในชื่อของ “โรงแรมโอเรียนเต็ล” – โรงแรมสุดหรูอายุกว่า 140 ปี ซึ่งถือเป็นโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย นอกจากความเก่าแก่แล้ว ที่นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นโรงแรมที่หรูที่สุดในไทยอีกด้วย ราคาของห้องพักที่แพงที่สุดของโรงแรมนี้ สูงถึง 450,000 บาทต่อคืน! และไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย ที่นี่มักจะถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองระดับผู้นำประเทศมาโดยตลอด
แต่ถึงแม้ชื่อเสียงของ Mandarin Oriental Bangkok จะไปไกลระดับโลก แต่ผมก็เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะยังไม่เคยเห็นทั้งหมดของโรงแรมนี้ ว่ามันเป็นยังไง มีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง และห้องพักของที่นี่หน้าตาแบบไหน ดังนั้นวันนี้ ผมจะขอพาไปชมโรงแรมแห่งนี้กัน!
เนื้อหาของวิดีโอ เปิดตำนานความหรู 140 ปีของ “โรงแรมโอเรียนเต็ล” | Mandarin Oriental Bangkok
โรงแรมแห่งนี้นะครับทุกคนคือโรงแรม Mandarin Oriental Bangkok นะครับหรือที่คนไทยก็รู้จักกันดีชื่อของโรงแรมโอลิเวอร์เย็นๆนะฮะพี่เงียบไปโรงแรมสุดหรูอายุประมาณ 140 กว่าปีนะครับและอาจจะกล่าวได้ว่าที่นี่เป็นโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดสุดในประเทศไทยก็ว่าได้นะครับแต่นอกจากความเก่าแก่แล้วนะที่นี่ยังเป็นที่ที่รวมเอาความเป็นที่สุดเอาไว้หลายอย่างนะครับที่นี่เป็นโรงแรมแห่งแรกสุดของประเทศไทยเป็นโรงแรมที่มีร้านอาหารระดับมิชลิน 2 ดาวนะที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยเป็นโรงแรมที่มี Jazz Barหมาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบาร์ที่ดีอันดับ 1 ของประเทศไทยและเป็นอันดับต้นๆในเอเชียครับที่นี่เป็นโรงแรมที่มี service Level ระดับสูงมากที่โรงแรมอื่นๆก็พยายามจะเอาเป็นแบบอย่างนอกจากนั้นที่นี่ยังมีห้องพักราคาถูกที่สูงที่สุดอยู่ที่ 4,000 บาทต่อคืนเลยทีเดียวชื่อเสียงของโรงแรมโอเรียนเต็ลไปไกลระดับโลกแล้วก็เป็นที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองตั้งแต่อดีตมาจนถึงแต่ผมก็เชื่อว่าน่าจะเป็นอย่างคนน่าจะยังไม่เคยเห็นทั้งหมดดังนั้นในวันนี้เราจะพาไปดูกันว่าที่นี่มันเป็นประวัติของโรงแรม Mandarin Oriental Bangkok นะครับนับย้อนหลังไปไกลมากเลยนะคะตั้งแต่ปี 1850หลักฐานทางประวัติศาสตร์หรือไม่ได้บอกเอาไว้ไปนะครับว่าตัวโรงแรมเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อไหร่ปีที่ถือว่าเป็นปีที่ที่ก่อตั้งโรงแรมยัง1870ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เริ่มมีการบันทึกเรื่องราวของโรงแรมไว้อย่างเป็นไรชื่อของโรงแรมเนี่ยเดิมทีคือ The Oriental Hotelครับหรือว่าโรงแรมแต่สาเหตุที่ปัจจุบันเขาชื่อ The Mandarin Oriental นะครับเพราะว่าเกิดจากจากการควบรวมกิจการนะคะครับโดยเครือโรงแรม1907ซึ่งที่ฮ่องกงตอนนั้นมีโรงแรมอีกโรงแรมนึงคือ The Mandarin นะคะครับเป็นโรงแรมสุดหรูเช่นเดียวกันนะคะร่วมกันก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็น The Mandarin Oriental ปัจจุบันปี2020อย่างนี้ก็มีอายุได้ 144เนื้อที่ของโรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ลนะครับจะแบ่งเป็น 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา1 คือฝั่งพระนครบนถนนมีเนื้อที่รวมประมาณ 8 ไร่เป็นส่วนของโรงแรมแล้วก็ห้องพักอาศัยทั้งหมดส่วนฝั่งธนบุรีหน้าบนถนนเจริญนครจะมีเนื้อที่ประมาณ16 ไร่โดยจะเป็นส่วนของดิโอเรียนทอลสปาแล้วก็โรงเรียนอาคารของโรงแรมเดี๋ยวจะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆรักนะครับซึ่งถูกสร้างขึ้นในเวลาส่วนแรกคือ Auto Swing นะครับเป็นอาคารดั้งเดิมของตัวโรงแรมแล้วก็คงอยู่มาจนถึงศูนย์ฝึกที่ 2 คือ The Garden Wing ครับเป็นอาคาร 10ชั้นอยู่ด้านหลังหนังของ Dior zbingสร้างเสร็จในปี 11958นะครับหรือประมาณ 70และส่วนสุดท้ายคือเดอะริเวอร์วิวนะครับเป็นอาคารสูง 16 ชั้นเป็นอาคารที่สูงที่สุดของตัวโรงแรมสร้างเสร็จปี 1976ซึ่งปีนั้นเป็นปีที่โรงแรมมีอายุครบ 100 ปีก่อตั้งนั้นเองตัวอาคารทั้งหมดก็จะล้อมรอบสระว่ายน้ำของตัวโรงแรมซึ่งจะตั้งอยู่ส่วนแรกสุดที่อยากจะให้ดูก่อนเลยนะครับทุกคนคือตัวอาคาร Auto Swingอาคารแห่งนี้เป็นอาคารดั้งเดิมแรกเริ่มOG Original ของตัวโรงแรมเลยด้านหน้าของตึกเขาจะหันไปแล้วก็อาคารที่อยู่โดยรอบแถวๆนี้ทั้งหมดเลยก็จะหันไปทางแม่น้ำสมัยก่อนนะทุกคนกรุงเทพฯมันเป็นเมืองที่เขาสั่งสัญจรโดยเรือเป็นหลักดังนั้นเรือแล่นผ่านไปมามองเข้ามาหน่อยก็จะเห็นด้านหน้าของของตัวตึกที่อยู่ทุกคนลองจินตนาการดูในสมัยก่อนการที่ชาวตะวันตกเนี่ยเดินทางมาเขาจะเล่นเรือมาจากปากน้ำมุ่งหน้าไปทางพระบรมมหาและมองมาทางขวามือเนี่ยเขาจะเจอสถานกงสุลเจอสถานพูดแล้วในบรรดานั้นน่ะก็มีโรงแรมโอเรียนเต็ลตั้งอยู่อยู่ที่นี่เป็นโรงแรมที่หรูหรามาตั้งแต่ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาอะไรต่างๆที่นี่ไม่ใช่สถานที่อยู่ๆใครก็จะเข้ามาพักครับได้จะต้องเป็นคนที่แบบมีความสัมหรือว่ามีฐานะนิดนึงนะครับถึงจะสามารถอีกอย่างนึงที่ผมอยากจะให้สังเกตนะครับคือชื่อของโรงแรมเดิมทีก็ชื่อว่าโอเรียนเต็ลOriental Hotelก็ยังไม่มีคำว่าแมนดาริน Mandarin มาเติมคิ้วนะครับแล้วก็ด้านบนของชื่อโรงแรมจะมีโลโก้รูปพระอาทิตย์ที่กำลังตกลงไปในแม่น้ำอยู่นั่นคือโลโก้ Original เดิมของตัวโรงแรมในสมัยก่อนนะครับเขาก็จะจอดเรือกันอยู่ข้างหน้าแล้วก็จะเดินเข้ามาตรงนี้จะเป็นประตูทางเข้าของมีอย่างที่อยากจะให้สังเกตนะคือตัวลูกปั้นKPNจะมี2 องค์สุเทพอันนี้มันจะมีความสุขสำคัญนิดนึงคือเขาจะเป็นสัญลักษณ์ของการที่โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมที่มีไฟฟ้าใช้เป็นอย่างแรกคือในสมัยนั้นเนี่ยไฟฟ้าเป็นสิ่งที่หายากมากประเทศไทยเนี่ยเริ่มต้นมีไฟฟ้าใช้แห่งแรกที่พระบรมมหาราชวังแล้วหลังจากนั้นเนี่ยบนถนนเจริญกรุงเป็นถนนที่ต่อเนื่องมาจากพระบรมมหาราชวังเขาก็เริ่มมีการเดินไฟฟ้ามาทำให้โรงแรมแรกที่มีบอลกลางคืนเนี่ยสีเหลืองแถวนี้มันจะมืดหมดเลยแต่จะมีเทพีซึ่งถือคบเพลิงนี้นะครับมีไฟติดอยู่เป็นสัญลักษณ์ว่านี่คือโรงตัวตึก Auto Swing นี้นะครับทุกคนแต่เดิมเนี่ยราคานี้ด้วยความที่มันเป็นอาคาร Original ของนะครับเมื่อก่อนโรงแรมนี้ก็คือมีตึกเดียวเลยนะครับคือตึกนี้แล้วก็ทุกฟังชั่นเนี่ยอยู่ในนี้หมดเลยนะครับไม่ว่าจะเป็นห้องLobbyห้องอาหารบาร์อะไรก็คือจะรวมอยู่โรงแรมเล็กๆทุกคนแต่ก็ถือว่าใหญ่แล้วแต่ปัจจุบันตัวตึกนี้เขาทำการ Renovate เรียบร้อยแล้วนะครับชั้นล่างมันจะเป็นจัดเลี้ยงแล้วก็เป็นลาวCitizenshipที่จะเรียกว่าเธอเสมอพื้นที่ตรงนี้เขาก็จะมาจิบชากันนะทุกคนที่นี่เขาจะใช้ชาของ T W Gทำสีกระป๋องเป็นสีพิเศษสำหรับโรงแรมนี้นี้เท่านั้นด้วยนะฮะการนึงขายไม่แพงนะครับราคาอยู่ที่ 390 บาทนะครับผมสาเหตุที่ตึกนี้เขาชื่อว่าออโต้วิ่งหรือออโต้คือคำว่า othersมันแปลว่าเขาตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่นักเขียนที่มีชื่อเสียงที่เดินทางมาถามว่าทำไมจะต้องเป็นนักเขียนคือทุกคนลองจินตนาการถึงเดินทางมันยังไม่ได้สะดวกการที่คนคนนึงจะเดินทางออกไปรอบโลกนะครับเขาต้องใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปีเพราะว่าเดินทางด้วยเรือแล้วก็มันจะต้องมี Commentมากคือมันแบบให้ฉันจะออกเดินทางมันจะต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างที่แบบเราจะเดินทางไปที่นั่นที่นี่แล้วคนที่จะมีโอกาสก็จะเป็นเรานะมาบันทึกเรื่องราวต่างๆรอบโลกแล้วเอากลับไปเล่าให้คนที่บ้านของเขาเอาฝั่งที่เนี่ยที่ที่นัดชื่อดังทั่วโลกเดินทางเราจะเห็นพวกตั้งชื่อตามนัดแล้วก็จะมีรูปของคนหล่อลบรอบด้วยนอกจากนั้นนะครับชั้น 2เขาจะทำเพิ่งจะเป็นห้องพิเศษห้อง 1 คือห้องรอยัลสวีทAmbassadorเป็น 2 ห้องAmbassador Suitesราคาเริ่มต้นนักกีฬารอยัลจะอยู่ที่ประมาณสองแสนห้าซึ่งถือว่าราคาสูงถูกมากแต่อันนี้เป็นแค่ราคาในโลซีซั่นไม่ไฮซีซั่นราคาของถึง 5 แสนก็ได้พื้นที่ตรงนี้อย่างที่บอกว่ามันเป็นห้องจัดเลี้ยงเลี้ยงด้วยถ้าเกิดใครจะมามาจัดงานแต่งงานจะต้องจองห้องพักทั้งหมดที่อยู่ตรงนี้รวมถึงมี minimum spending ในการจัดงานแต่งอยู่ที่นี่ประมาณสัก1 ล้านบาทตึกถัดมาที่อยากจะพามาดูนะครับตึกนี้คือ Garden Wingนะครับซึ่งจะเป็นตึกที่อยู่ติดด้านหลังของตัวออเดอร์สวิงเลยนะทุกคนตึกนี้สร้างหลังจากออเดอร์ Swing ประมาณซัก 70 ปีให้หลังซึ่งณวันที่ขึ้นตึกขึ้นมาเนี่ยถือเป็นอาคารที่ทันสมัยตึกนี้สูง 10 ชั้นนะครับจัดว่าเป็นไฮไลท์นะทุกคนในสมัยมันคืออาคารสูงนี่คือแทบจะไม่มีเลยแล้วยังเป็นโรงแรมอย่างแรกที่มีลิฟท์ด้วยคนสิ่งที่ผมอยากจะให้สังเกตเวลามาที่นี่คืออยากจะให้ดูตัวฝ้าเพดานมันจะเตี้ยนิดนึงสาเหตุที่มันเป็นแบบนี้เพราะว่าจริงๆตอนนี้มันเป็นแค่ชั้นครึ่งที่เป็นทางเดินในสวนแต่ตัวห้องพักจริงๆอ่ะไม่ได้ถูกแยกออกไปนะครับคือมีบันไดลงไปข้างล่างแล้วก็มีบันไดอีกตัวนึงขึ้นมาข้างบนนะครับที่รักถ้าตัวทรในจะเป็นชั้นที่วางอยู่โต๊ะห้องที่ผ่านมาดูนะครับจะเป็นห้องการ์เด้นสวีทคือห้องสวีทของตนการเล่นวิ่งนั่นเองห้องนี้จะเป็นห้องพิเศษนะครับที่เขาจะมีเพดานสูงสูง 3 เมตรกว่าๆซึ่งในสมัยก่อนก็ถือว่าสูงเป็นห้องที่มีบันไดในตัวด้วยนะครับที่ไม่ได้เป็น 2 ชั้นนะแล้วก็ด้านหน้าเวลาเปิดประตูเข้ามาจะมีโซนนั่งรับประทานอาหารกับโซนแบบพื้นที่นั่งต้อนรับแต่มันจะมีประตูตรงนี้ที่เมื่อเราเดินผ่านเข้ามาปุ๊บเราก็จะเจอกับห้องLiving areaห้องนี้จะเป็นห้องที่มี 2 Living นะคือจะมีโซนต้อนรับอันนึงแล้วก็ตรงนี้เป็นโซน Private ที่เจ้าของห้องเป็นต้องเรียกลักษณะพื้นที่มันจะรองรับคนได้สัก 4-5 คนด้านข้างมีตู้เครื่องดื่มนะครับตรงนี้มีทีวีมองออกไปนอกเอาหน้าต่างจะเห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วก็ด้านข้างเนี่ยพรุ่งนี้จะมีห้องเล็กๆอีกอันนึงซึ่งจะมีมินิบาร์อยู่แล้วก็จะมีห้องน้ำ Powder room ที่ซ่อนอยู่หลบสายตาเอาไว้ตอนนี้มันจะเป็นโซนที่บางทีอาจจะมีความเรียบร้อยเกิดขึ้นส่วนอื่นของห้องก็ได้ยังดูสวยอยู่ส่วนเดินขึ้นมาชั้น 2 นะครับชั้น 2 นี้จะเป็นส่วนของเตียงนอนห้องน้ำนะครับมาดูห้องน้ำก่อนห้องน้ำนี้ก็ขนาดใหญ่มากนะทุกคนใส่ฟังชั่นอุปกรณ์อะไรมาครบทุกอย่างการตกแต่งจะออกแน่แมวไทยโคโลเนียลหน่อยเขาจะใช้วัสดุที่มันเป็นหินอ่อนเยอะมากนะครับปูกระเบื้องอะไรพวกนี้ก็จะเป็นกระเบื้องแบบสไตล์ยุคเก่าและเป็นเวรโชว์หมดเลยทุกคนสวัสดีฝั่งนึงจะเป็นส่วนของห้องนอนนะครับพื้นที่ในห้องนอนเนี่ยมันไม่ได้มีอะไรมากและมีส่วนของเตียงนอนแล้วปลายเตียงก็จะเป็นพวกห้องแต่งตัวมี walk in closetแต่มันจะมีโซนที่เป็นเหมือนกับระเบียงภายในห้องนะครับที่เราจะสามารถมายืนตรงนี้แล้วก็ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาเราได้นะครับทักมาจากตัวการ์เด้นวิงนะครับก่อนที่เราจะเดินข้ามไปยังริเวอร์วิวที่จะเป็นตึกเพลงใหม่ล่าสุดแล้วจะมาเจอตรงอาคารอันนี้ก่อนอันนี้จะเป็นส่วนของล็อบบี้ของโรงแรมคือตัวอาคารอันนี้มันจะเป็นอาคารชั้นเดียวเลยนะทุกคนแต่ว่าจะเป็นเพดานสูงมากเลยนะครับด้านข้างเขาจะใส่เป็นผนังกระจกตลอดแนวเลยนะครับที่เราสามารถมองออกไปเห็นวิวสวนด้านนอกแล้วก็ได้แสงธรรมชาติเข้ามาในตัวรับบี้แห่งนี้ให้ความรู้สึกที่มันโปร่งมากๆนะครับการตกแต่งภายใน Lobby เนี่ยสวยงามมากๆนะทุกคนวันนี้เจอต่างๆจะบุด้วยผ้าไหมไปไทยจะเป็นสไตล์แบบ contemporary แปลว่าผสม Element หลายๆอย่างที่เป็นของของไทยเข้าไปมีพวกระฆังมีแบบระฆัง Crystalที่แขวนอยู่แล้วก็บริเวณส่วนตัวต่างๆเนี่ยเขาจะมีการใส่พวกลายฉลุของใครลงไปด้วยเวลาเรามาที่ล็อบบี้ตรงนี้ผมอยากจะพูดเรื่องนึงคือเรื่อง service Level ของของตัวโรงแรมคือโรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมที่มาตรฐานการบริการสูงมากๆเวลามีแขกคนนึงเดินเข้ามาในล็อบบี้แห่งจะต้องมีพนักงานคนใดคนหนึ่งวิ่งเข้าไปเพื่อทักทายกล่าวต้อนรับเสมอแล้วก็ไม่ว่าเราจะเดินไปที่จุดไหนของโรงแรมเนี่ยถ้าเราบอกพนักงานก่อนเนี่ยเขาจะไปเตรียมการให้เขาจะให้แม่บ้านวิ่งไปเปิดไฟเปิดแอร์รอฉีดน้ำหอมรอจัดดอกไม้รอนะฮะแล้วถ้าเกิดเราเป็นแขกที่จะมาพักโรงแรมเนี่ยเขาจะมีการตระเตรียมสิ่งของต่างๆไว้เพื่อต้อนรับเราให้เราได้รับประสบการณ์ที่พิเศษไม่เหมือนผักจากสวนของล็อบบี้นะทุกคนเราจะเดินออกมาที่ตึกนี้นะครับตึกนี้ก็คือ River Wing นั่นเองซึ่งเป็นอาคารที่ถือว่าใหม่ที่สุดของตัวโรงแรมถูกสร้างในปี 1976 ในปีที่โรงแรมครบรอบ 100 ปีพอดีในวันนั้นที่ตึกนี้สร้างขึ้นมาถือว่าเป็นอาคารที่ทันสมัยสมควรเลยนะครับเป็นอาคารสูง 16 ชั้นมีห้องพักในวันนั้นประมาณ 350ปิดห้องซึ่งในปี 1976มีโรงแรมที่มีห้องพัก 350 ห้องถือว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยมาอยู่ตรงนี้ผมอยากจะพามาดูอันนี้นะครับอันนี้คือ Bar ของโรงแรมที่มีชื่อว่า Bamboo Barจะเข้าไปดูข้างในกันตัวแบมบูบาร์นะครับทุกคนเขาจะเป็นบาร์แบบJazz Bar เป็นอเมริกัน Jazz Barซึ่งเขาเกิดขึ้นที่โรงแรมแห่งนี้ตั้งแต่ปี 1953ซึ่งจะเรียกว่าที่นี่เป็น Jazz Bar แห่งแรกของประเทศไทยก็ว่าได้นะครับในสมัยนั้นเนี่ยดนตรีแจ๊สมันเป็นสิ่งที่ยังไม่ได้เข้ามาเมืองไทยมีคนเพียงกลุ่มเล็กๆเท่านั้นนะครับที่อาจจะเป็นแบบชาวต่างชาติที่มาจากเมืองนอกแล้วก็คนไทยบางคนที่เป็นชนชั้นสูงที่ได้มีโอกาสไปเรียนเมืองนอกกลับมาเมืองไทยที่จะรู้จักวัฒนธรรมของการฟังเพลงแจ๊สลองคิดดูว่าโรงแรมโอเรียนเต็ลในสมัยไปนานนะครับเขาเปิดแบมบูบาร์ขึ้นมาเพื่อต้องการเพียงลูกค้ากลุ่มเล็กๆกลุ่มนี้ทางมุมหนึ่งของบ่าวจะมีเวทีดนตรีอยู่แล้วเก้าอี้ทุกตัวที่อยู่ตรงนี้จะหันหน้าเข้ามายังตัวเวทีตัวนี้รวมถึงเก้าอี้ตรงนี้ด้วยเพื่อให้ทุกคนที่ได้มาเนี่ยมานั่งฟังเพลงฟังดนตรีคนที่เข้ามาก็ต้องแต่งตัวดีด้วยนะขาสั้นรองเท้าแตะเสื้อยืดอะไรเข้ามาไม่ได้เพราะว่าอย่างนี้มันเหมือนแบบเป็นบาร์อันทรงเกียรติแล้วในปี 2020 ล่าสุดป้าแห่งนี้ก็ถูกจัดอันดับเป็นบาร์ที่ดีที่สุดในประเทศไทยนะครับแล้วก็เป็นระดับ 7 ของเอเชียซึ่งถูกจัดอันดับโดย Asia Pretty Best Buyตัวโรงแรมแมนดารินโอเรียนทอลแห่งนี้นะทุกคนเป็นโรงแรมที่มีร้านอาหารเยอะมากเลยคือมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดถึง 11เก็บร้านเลยนะฮะเดี๋ยวผมจะขึ้นไปบนหน้าจอแล้วกันว่ามีร้านอะไรบ้างนะครับแต่อย่างเช่นร้านที่เราเดินผ่านมาณตอนนี้คือเดอะเวอร์รันด้าจะเป็นร้านที่อยู่ใต้ตึก River Wing นะครับร้านนี้จะเป็นโมเดล diningนะครับมีเสริฟอาหารตลอดเวลาทั้งวันเช้ากลางวันเย็นตรงจุดที่ผมยืนอยู่ตรงนี้เขาจะเรียกว่าริเวอร์ไซด์เทอร์เรซนะครับตัวนี้จะเป็นโซนเหมือนกับเป็นโซน Bหิวทั้งเดอะเวอร์รันด้าและ Riverside Terrace ตรงนี้มันจะเป็นพื้นที่ที่โรงแรมใช้เสิร์ฟอาหารเช้าเอาของตัวโรงแรมแล้วทุกคนที่เป็นแขกโรงแรมจะได้สามารถมาพักผ่อนกินอาหารเช้าแล้วมองออกไปเห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาตรงนี้ได้แต่ในช่วงโควิดตอนนี้ริเวอร์ไซด์เขาจะปิดแต่ที่นี่ยังมีร้านอาหารอีก 2 ร้านนะที่ผมอยากจะพาไปดูด้วยนะครับอันแรกก็คือร้านเลอนอร์มังดีนะครับเริ่มจะเป็นร้านอาหาร Fine diningอาหารฝรั่งเศสมิชลิน 2 ดาวนะครับตั้งอยู่ที่ชั้น 5 ของตึก Garden Wingเรียกว่าเป็นร้านอาหาร Fine dining ฝรั่งเศสแห่งแรกของประเทศไทยก็ว่าได้นะครับหรือไม่ก็เก่าแก่ที่สุดซึ่งผมอาจจะไม่ได้พาไปดูในคลิปนี้นะครับแต่เดี๋ยวผมจะมีไปถ่ายอีกนิดนึงเป็นคลิปแยกเดี๋ยวรอติดตามกันดูนะครับส่วนอีกร้านนึงคือจะอยู่ข้างบนชั้น 2 ของตึกริเวอร์วิวนั่นก็คือหลอดจิ๋วโทรห้องอาหารลอร์ดจิมนะครับทุกคนเป็นห้องอาหารอาหารที่อยู่คู่กับตัวตึก River Wing มาตั้งแต่ตอนศึกนี้เปิดก็คือปี 1976 เลยแล้วก็เมื่อกี้ผมคุยกับพี่พนักงานคนนึงเขาทำงานมาอยู่ครับเขาบอกว่าห้องหลอด genius เป็นห้องที่เสิร์ฟเป็นร้านบุฟเฟ่ต์มาตั้งแต่ตอนนั้นเลยเป็นโรงแรมแรกเลยนะพี่เอาพวกอาหรือตับห่านมาเสิร์ฟเป็นแบบนี้บุฟเฟ่ต์กุ้งกะทะตอนนี้อยู่ในช่วง covid นะครับเขาก็จะไม่ได้เสริมแบบบุฟเฟต์และเขาบอกว่าเขาจะเป็น Unlimited อ่ะครับแทนนะครับเพื่อความปลอดภัยทุกคนก็นั่งอยู่ที่โต๊ะสั่งได้ไม่อั้นไม่ต้องลุกไปตัดเองนะครับเดี๋ยวเขาก็จะมาเสิร์ฟเรื่อยๆวันธรรมดา 2156 + วันเสาร์อาทิตย์ก็จะเป็น 2950ซึ่งจะมีซีฟู้ดเพิ่มเข้ามาด้วยอย่าลืมมาลองทานกันที่นี่ทักมานะครับทุกคนผมจะขอพามาดูห้องพักที่อยู่บนตึกLeaving นิดนึงแต่ก่อนที่จะเข้าไปในห้องพักนะอยากจะให้ดูการที่เขาให้ความสัมหน้าห้องมากๆนะมีการตกแต่งผนังมีการแขวนรูปภาพนะครับแล้วก็มีวางท็อปจัดไฟให้สวยงามตลอดเส้นทางคืออันนี้มันเป็นเหมือนกับดีเทลเล็กๆในน้อยไว้ที่ผมว่าเขาให้แล้วก็ในทุกๆชั้นโรงแรมนะครับเขาจะมี Butler แล้วก็มีแม่บ้านประจำคือไม่ว่าแขกจะอยู่ชั้นไหนก็จะมีพนักงานที่จะคอยให้บริการเขาอยู่ในทุกๆชั้นเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นเพราะทุกคนคือเดี๋ยวจะขอพาเข้าไปดูห้องพักสักห้องนึงนะห้องนี้จะเป็นห้องดีลักซ์ทุกคนเป็นห้องไซส์เริ่มต้นเลยโรงแรมแห่งห้องไปเริ่มต้นของที่นี่เป็นห้องวันเบแบบนี้มีเตียงนอนอันนึงครับราคาต่อคืนเริ่มต้นอยู่ที่ 17,000ซึ่งถือว่าแพงมากนะกลับไปเริ่มต้นภายในห้องเนี่ยไม่ได้มีอะไรมากมีเตียงนอนขนาดพิเศษมีโต๊ะหัวเตียง2 ข้างมีมุมสำหรับแบบกินขนมนิดนึงแต่ที่ผมรู้สึกประทับใจส่วนตัวนะคือเฟอร์นิเจอร์ชุดที่อยู่ตัวเฟอร์นิเจอร์เซตนี้มันจะเป็นเซตCustom-made นะครับเป็นเคาน์เตอร์สำหรับวางของปลายเตียงแล้วก็มีชีวิตข้างบนมีเครื่องชงกาแฟอะไรนิดหน่อยไฮไลท์ไม่ได้อยู่ตรงนี้ไฮไลท์อยู่ที่ลิ้นชักอันนี้คือตู้เย็นนะครับสั่งทำพิเศษ CustomLazadaตรงนี้ลิ้นชักด้านล่างจะเป็นที่เก็บพวกแก้วสำหรับใส่เครื่องดื่มลิ้นชักด้านบนก็จะเก็บพวกถ้วยกาแฟส่วนทางฝั่งนี้จะมีเก็บพวกขวดเครื่องดื่มแล้วก็ตรงนี้ก็จะเก็บพวก snack ต่างๆซึ่งมันจะมีช่องทุกคนมีช่องสำหรับเก็บของแต่ละชิ้นCustom maidแล้วก็ถ้าเกิดเราดูราคามินิบาร์งะถ้าเราสั่งโค้กกระป๋องนึงของที่นี่นะครับราคาอยู่ที่ 180ถ้าเกิดสั่ง Red Blueซึ่งเป็นของเป็นเครื่องดื่ม Importอยู่ที่กระป๋องละ 260 บาทสุดยอดมากแต่ความพิเศษของห้องนี้นะครับจริงๆมันอยู่ที่ระเบียงครับซึ่งห้องนี้จะเป็นห้องที่ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยานะครับแล้วฝั่งตรงข้ามเนี่ยเราก็จะมองเห็นIconด้วยนะครับซึ่งติดกับไอคอนสยามนั้นก็คือคอนโด Mandarin Oriental Residenceครับพี่เราเคยพาไปรีวิวกันมาแล้วนะฮะก็ห้องดีลักซ์ซูมที่เราอยู่กันตอนนี้จัดว่าถือเป็นห้องธรรมดาของเขาเลยนะครับแต่วันนี้ผมจะขอพาไปดูห้องพิเศษสุดของเขาซึ่งอยู่อีกตึกหนึ่งสุดท้ายนะครับเราจะพาทุกคนมาดูห้องพักที่เป็นห้องพิเศษสุดของโรงแรมแห่งนี้นะฮะก็คือห้องรอยัลสวีทซึ่งห้องนี้ตั้งอยู่ที่วินตึกแรกสุดตึก Originalห้องพักรอยัลสวีทตอนปัจจุบันนี้จะเป็นห้องที่ราคาสูงที่สุดในโรงแรมด้วยนะครับอยู่ที่เริ่มต้นคืนละ 2แผน 50000 บาทบวกแล้วก็ใน High Season อาจจะขึ้นไปถึงแบบ 4-5 แสนได้เลยนะครับแต่จริงๆแล้วเนี่ยในอนาคตอันใกล้นี้ทางโรงแรมเขาจะเปิดห้องสวีทห้องใหม่หาดที่มีชื่อว่าOriental Sweetแต่จะอยู่ที่ตึกริเวอร์วิวราคาห้องพักห้องนะเนี่ยจะอยู่ที่คืนละ 4 แสนห้านะครับแต่ว่าวันนี้เขายังทำไม่เสร็จเราเลยยังไม่ได้ไปดูไว้มีโอกาสจะพามาดูวันหลังนะครับเดี๋ยวพาไปดูรอยัลสวีทห้องรอยัลสวีทนะครับทุกคนเวลาเราเดินเข้ามานะครับเราจะพบกับความอลังการพอเดินเข้ามาปุ๊บเนี่ยเราจะเจอโถงกลางห้องขนาดใหญ่อันนี้มันเป็นLiving area ของห้องนี้แล้วก็มีโซฟาขนาด10 กว่าที่นั่งวางอยู่ตรงกลางห้องนะครับแล้วก็แช่งดีอันเบ้อเร่อนี้ภายในห้องนี้เขาจะตกแต่งสไตล์ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นนีโอคลาสสิกนะครับแต่ว่าถ้าสมผสานความเป็นเป็นไทยเข้าไปอีกแล้วเวลาเรามองไปรอบๆนะครับเราจะเห็นพระบรมชาฉายาลักษณ์ของพระมหากษัตริย์พระราชินีนะครับรวมถึงรูปภาพของของ Celebrityบุคคลสำคัญผู้นำประเทศต่างๆนะครับที่เขาเคยเยือนโรงแรมโอลิเวอร์ซึ่งมีเยอะมากเลยครับนับไม่ถ้วนเลยแล้วเขาบอกว่าห้องรอยัลสวีทก็เป็นห้องพักที่เคยใช้ต้อนรับดังนั้นการตกแต่งที่อยู่ในมันก็ต้องเหมาะสมสมกับบุคคลระดับนอกจากห้องนี้จะใช้เป็นห้องพักห้องนี้ยังเป็นห้องที่แบรนด์ต่างๆครับเขาเอามาใช้ในการจัด Event นะครับบางทีจะร้อน Collection หรือเป็น Mini Eventเล็กๆเชิญแขก vip มาเขาก็จะมาเลือกใช้ห้องอยากจะให้ดูฟังชั่นนะครับต้องการอย่างที่บอกไปเป็นถุงเป็นถุงขนาดใหญ่น้าเป็นห้องนั่งเล่นนั่นแหละว่างๆๆด้านข้างจะอยู่ติดกับกับระเบียงนะครับเป็นระเบียงแนวยาวเลยมองเห็นน้ำเจ้าพระยาด้านหลังของผมที่อยู่ทางจะเป็นห้องรับประทานซึ่งมีโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 12 ที่นั่งวางอยู่ส่วนอีกด้านหนึ่งฝั่งตรงข้ามของผมก็จะเป็นห้องทำงานส่วนตัวตัวอยู่ภายในยูนิคความพีคความพิเศษเข้าห้องเนี้ยคือห้องนี้เป็นห้องขนาด360แต่เป็นห้อง One Bedroomเมื่อคืนนอนได้ 2 คนนะทุกคนโอนของห้องนอนในทุกคนเวลาเราเดินเข้ามาปุ๊บเราจะเจอวอลเปเปอร์ห้องนอนฝั่งนี้จะมีตู้เสื้อผ้าเป็น walk in closetเพราะเขามีขนาดใหญ่อันนี้ของคุณผู้ชายคุณผู้หญิงเดินผ่านเข้ามาข้างในจะเจอกับWalk in closet อันที่ 2คือในห้อง Walk in closetเพื่อแยกชายหญิงหญิงหรือว่ามากันแบบนี้มาตรงกลางนะครับตอนนี้จะมีสี่แยกด้วยใครมีสี่แยกในห้องนอนบ้างครับห้องนี้มีนะเดินเข้ามาปุ๊บฝั่งนี้จะเป็นส่วนของ2 ห้องนอนนะครับตัวห้องนอนเนี่ยเขาจะจัดแต่งออกมาแบบแบบพื้นที่หรูหรามากๆนะครับแล้วก็ให้พื้นที่มาใหญ่เลยมีเตียงขนาดเกินคำว่าคิงไซส์อีกนะคะเป็นไซส์พิเศษมีโซฟาอยู่ปลายเตียงนั่งกินขนมดูทีวีปลายเตียงได้อันนี้มีทีวีอยู่ด้านในส่วนทางด้านหลังตอนนี้ก็จะมีโต๊ะอีกชุดนึงนะครับคือจะสังเกตว่าเขาให้พื้นที่มาแบบเหลือเลยทุกคนแบบให้เราเดินเล่นวิ่งไล่จับกันในห้องนี้ได้แล้วก็ทุบห้องที่จะมีประตูเข้าออก 2 บานตรงนี้มีบานนึงฝั่งนู้นอีกบานนึงเดินผ่านเข้ามาเมื่อทะลุผ่านห้องแต่งตัวมานะครับเราก็จะมาพบกับห้องน้ำอันยิ่งใหญ่ทุกคนห้องน้ำห้องนี้ยิ่งใหญ่มากมีอ่างอาบน้ำวางอยู่Candle ด้วยนะคะมี shower Boxซึ่งเป็นชาวบล็อกแบบ Double แยกกัน 2 คนมีอ่างล้างหน้าห*And her นะครับการตกแต่งจัดเต็มทุกอย่างมีผ้าม่านอยู่ในห้องน้ำใช้ผ้าม่านที่เป็นผ้าไหมแต่งไว้ในห้องน้ำสุดยอดแล้วก็เดินผ่านเข้ามาอีกนะครับเราจะพบกับฟิตเนสส่วนตัวภายใน unitมีกันสองคนแต่ว่ามีเครื่องเล่นประมาณ 4 เครื่องนะฮะก็คือใช้แบตเหลือเลยแล้วสุดท้ายก็คือห้องที่อยู่ด้านในสุดตรงนี้จะเป็นสปาส่วนตัวภายใน unitคือสาเหตุที่เขาต้องมีแฟนซิตี้ต่างๆมันเป็นเหตุผลเรื่องของ privacy นะครับเพราะว่าคนที่มาที่นี่เป็นบุคคลสำคัญเขาไม่อยากลงไปเพ่นพ่านอยู่แต่เขาอยากให้เซอร์วิสทั้งหมดขึ้นมาหาเขาที่ห้องและห้องนี้ก็ตอบโจทย์แล้วก็พิเศษสุดสำหรับคนที่ดูมาจนถึงตอนนี้นะครับสำหรับใครที่ดูคลิปนี้แล้วมาเช็คอินเข้าพักที่โรงแรม Mandarin Oriental Bangkok นะครับเขาจะมีของขวัญสุดพิเศษมอบให้สำหรับคนดูที่มาจากผู้ผลิตด้วยนะฮะก็ต้องขอขอบคุณทางโรงแรมแมนดารินด้วยนะครับตั้งแต่วันนี้จนถึงถึง 30 พฤศจิกายน 2020 เท่านั้นนะครับOk ครับทุกคนตอนนี้แล้วชมโรงแรมนี้จบเรียบร้อยแล้วนะฮะ Mandarin Oriental Bangkok นะครับต้องบอกว่าที่นี่เป็นโรงแรมที่สุดยอดมากๆเลยนะครับเรื่องราว 100 กว่าปีของเขาประวัติศาสตร์ของเขาเนี่ยมันก็ทำให้โรงแรมแห่งนี้เป็นที่น่าสนใจอยู่แล้วนะครับบวกกับที่นี่เป็นโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกคบกันนับมีการตกแต่งที่สวยงามมากๆแล้วก็มี service ระดับสุดยอดเอาที่โรงแรมโรงแรมนึงจะสามารถมอบให้ได้นะครับทำให้พี่เนี่ยมันเป็นโรงแรมที่หนึ่งในใจของใครหลายๆคนได้ไม่ยากเลยรวมถึงตัวผมเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ประทับใจกับเพราะว่าผมก็เห็นโรงแรมนี้มาตั้งแต่เด็กผมเรียนอัสสัมนะแล้วก็วิ่งเล่นอยู่แถวนี้แล้วก็เห็นMandarin Oriental นี้เป็นโรงแรมที่ทุกคนก็พูดถึงวันนี้อยากจะขอปิดทริปนี้นะครับด้วยวิวที่อยู่ข้างหลังผมนะครับนั่นก็คือรีวิวของพระอาทิตย์ตกที่ลงไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งจริงๆแล้ววิวเนี่ยมันเป็นโลโก้เดิมที่เขาใช้ในโรงแรมโอเรียนเต็ลสมัยก่อนนะครับบิลนี้มันเป็นเหมือนกับเป็นจุดเริ่มต้นที่มันสร้างความประทับใจให้กับคนทั่วโลกอีกมากมายยังงั้นวันนี้ต้องขอขอบคุณทางโรงแรม Mandarin Oriental Bangkok นะครับที่ให้เราพาทุกคนมาดูเรื่องราวทั้งหมดของโรงแรมแห่งนี้ตอนนี้จะพาไปไหนอีกต้องกดติดตามวันนี้ขอลาไปก่อนสวัสดีครับมีอีกอย่างนึงที่อยากจะให้ดูนะครับก็คือตัวเสาชิงช้านี้นะฮะใครมาโรงแรมนี้ก็ต้องเห็นอันนี้เป็นคำแคปซูลนะพี่ฝังเอาไว้ตั้งแต่ปี 1988เขาบอกว่าข้างในเนี่ยมีข้าวของเครื่องใช้ของตัวโรงแรมตั้งแต่สมัยแล้วเขาจะฝังเป็นระยะเวลาประมาณสัก 75ปีจนถึงเหรียญปี 250015 นะครับปีนี้ 2020 แล้วนะครับเหลืออีก 315 ปีผมก็จะอยู่ประมาณสัก66 พอดีถ้าเกิดโรงแรมยังดูคลิปนี้อยู่ในตอนนั้นน่ะช่วยพาผมมาดูด้วยนะผมอยากรู้เหมือนกัน