เพนนินซูลา กรุงเทพฯ คือโรงแรมระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่บนถนนชวนชื่น ในย่านธุรกิจและการพักผ่อนของกรุงเทพมหานคร โรงแรมนี้เป็นที่รู้จักกันในวงการโรงแรมหรูหราของไทยมากว่า 20 ปี เนื่องจากการดำเนินงานที่มีคุณภาพและการให้บริการที่ยอดเยี่ยม
ประวัติของเพนนินซูลา กรุงเทพฯ
ก่อตั้ง
เพนนินซูลา กรุงเทพฯ เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1998 โดยใช้ชื่อเดียวกับโรงแรมสาขาแรกของเพนนินซูลาในฮ่องกง โดยเจ้าของโรงแรมคือบริษัทฮ่องกงและชิงไฮ โพลีชี้ยส์
การพัฒนา
เพนนินซูลา กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมที่ผ่านการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการให้กับผู้เข้าพัก เช่น ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ และห้องอาหารระดับโลก เพื่อให้ผู้เข้าพักสามารถพักผ่อนและทำงานได้อย่างสะดวกสบาย
รางวัลการรักษาคุณภาพแบบประจำปีของโรงแรม
เพนนินซูลา กรุงเทพฯ ได้รับรางวัลการรักษาคุณภาพแบบประจำปีจากองค์กรที่รู้จักกันดีอย่าง Conde Nast Traveler และ Travel + Leisure หลายครั้ง ทำให้เพนนินซูลา กรุงเทพฯ มีชื่อเสียงอย่างแพร่หลายในวงการโรงแรม
สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้เข้าพัก
โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้เข้าพักสามารถพักผ่อนและทำงานได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งรวมถึงห้องพักที่มีวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ห้องพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอสำหรับผู้พิการ และห้องสุขาที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้เข้าพักที่มาเพื่อทำงานได้อย่างเต็มที่
บริการอาหารและเครื่องดื่ม
เพนนินซูลา กรุงเทพฯ มีห้องอาหารหลายแห่งให้บริการ โดยมีร้านอาหาร Gaddi’s ที่เปิดให้บริการอาหารสุดหรูสไตล์ฝรั่งเศส รวมถึงห้องอาหาร Mei Jiang ที่ให้บริการอาหารจีนและญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีห้องอาหาร The Lobby ที่ให้บริการอาหารสุดพิเศษและเครื่องดื่มอร่อยๆ อีกด้วย
ความเป็นมาตรฐานและความปลอดภัย
เพนนินซูลา กรุงเทพฯ มีมาตรฐานการบริการที่สูงและการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด โรงแรมมีการตรวจสอบความปลอดภัยและการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้เข้าพักมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด
สถานที่ใกล้เคียง
โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพมหานคร เช่น วัดพระแก้ว วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพิพิธภัณฑ์จิตรกรรมแห่งชาติ ทำให้ผู้เข้าพักสามารถเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่เหล่านี้ได้อย่างสะดวกสบาย
สรุป
เพนนินซูลา กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมห้าดาวที่มีชื่อเสียงอย่างแพร่หลายในวงการโรงแรม ด้วยการบริการที่มีคุณภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้เข้าพักสามารถพักผ่อนและทำงานได้อย่างสะดวกสบาย และยังตั้งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพมหานครอีกด้วย
คำถามที่พบบ่อย
เพนนินซูลา กรุงเทพฯ มีห้องพักอย่างไรบ้าง?
โรงแรมมีห้องพักหลากหลายรูปแบบ รวมถึ
โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการหรือไม่?
ใช่ โรงแรมมีห้องพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอสำหรับผู้พิการ
มีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ อะไรบ้าง?
โรงแรมตั้งอยู่ใกล้วัดพระแก้ว วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพิพิธภัณฑ์จิตรกรรมแห่งชาติ
โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ ได้รับรางวัลอะไรบ้าง?
โรงแรมได้รับรางวัลหลายรางวัลจากองค์กรภายนอก เช่น รางวัลการรักษาคุณภาพแบบประจำปีจาก Conde Nast Traveler และ Travel + Leisure หลายครั้ง
เพนนินซูลา กรุงเทพฯ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อไหร่?
โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1998
“เพนนินซูลา กรุงเทพฯ” คือตำนานความหรูหรากว่า 20 ปี ของโรงแรมไทย | The Peninsula Bangkok [VIDEO]
ที่นี่คือโรงแรม The Peninsula Bangkok โรงแรมสุดหรูใจกลางกรุงเทพฯ ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว นี่คือโรงแรมที่หลายคนให้ชื่อว่า เป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย
โรงแรมแห่งนี้ยังมีความพิเศษหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง สิ่งอำนวยความสะดวก ห้องพัก และแถมยังมี Helipad หรือลาดจอดเฮลิคอปเตอร์แบบ Full Function แห่งเดียวในกรุงเทพอีกด้วย!
ในคลิปนี้จะขอพาทุกคนย้อนเวลาไปดูหนึ่งในโรงแรมที่เจ๋งที่สุดในยุคปี 40 ว่าเค้าจะเป็นยังไง ไปชมกัน!
เนื้อหาของวิดีโอ “เพนนินซูลา กรุงเทพฯ” คือตำนานความหรูหรากว่า 20 ปี ของโรงแรมไทย | The Peninsula Bangkok
โรงแรมที่เราอยู่ตอนนี้นะครับคือเดอะเพนนินซูล่าบางกอกนะครับเป็นโรงแรมสุดหรูใจกลางกรุงเทพฯที่ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยนะครับประมาณสัก 20 กว่าปีที่แล้วนะคะในวันที่โรงแรมนี้เปิดใหม่ๆนะครับหลายๆคนให้การขนานนามว่าที่นี่คือหนึ่งในโรงแรมที่หรูหราที่สุดในประเทศไทยวันเกิดเราเปรียบเทียบโรงแรมขับรถยนต์นะฮะโรงแรมแห่งนี้ก็เหมือนกับรถโรสรอยนะครับที่ไม่ว่าเวลาจะมา 20 ปีเนี่ยมันก็ยังคงความคลาสสิคความสวยงามไว้ได้ไม่เสื่อมคลายผมอยากจะบอกว่าที่นี่มีความพิเศษอะไรหลายอย่างที่หลายๆคนน่าจะไม่รู้นะครับแล้ววันนี้เราจะพาไปดูกันว่าโรงแรมที่หรูหราที่สุดจุดแรกสุดที่จะพามาดูนะครับทุกคนคือพื้นที่จุด Drop Off ตรงนี้นะครับซึ่งโรงแรมเพนนินซูล่าพื้นที่ Drop Off เนี่ยเขาจะมีความยิ่งใหญ่กว้างขวางแบบนี้เป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมเลยนะฮะแล้วตอนนี้อยู่ไหนแล้วก็อยู่กับรถยนต์คันนี้แล้วนะครับเราจะไม่พูดถึงเขาคงจะไม่ได้นะนี่คือ Rolls Royce silver spur มาร์คทรีนะครับเป็นรถยนต์ในปี 93ซึ่งตอนที่รถยนต์คันนี้ออกใหม่ๆราคาอยู่ประมาณ 20 ล้านนะทุกคนไม่ใช่รถที่ถูกเลยนะครับเขาใช้รถยนต์คันนี้นะเป็นรถลีมูซีนในการต้อนรับแขก VIP บางทีก็จะส่งไปรับแขกจากสนามบินมาที่โรงแรมบ้างวีระชัยเป็นรถยนต์ที่ใช้จัดงานอีเว้นท์บ้างซึ่งรถโรสรอยกลับโรงแรมเพนนินซูล่าเนี่ยเป็นของที่อยู่คู่กันมานานในเกือบจะทุกเพนนินซูล่าทั่วโลกเนี่ยทุกคนอย่างน้อยก็มีมีรอยจอดอยู่ 1 คันนะครับเพื่อใช้ต้อนรับแขกแต่ว่ายังบางทีเนี่ยที่เป็นสาขาใหญ่ยังฮ่องกงอย่างนี้เขาจะมีจอดอยู่เป็น 10 คันเลยนะฮะเสื้อแบบแสดงแสนยานุภาพของโรงแรมเพนนินซูล่าแล้วก็สีของรถยนต์คันนี้จะเป็นสีพิเศษด้วยนะสีเขียวเพนนินซูล่า Green ครับพี่จะสั่งทำพิเศษโรงแรมนี้เท่านั้นจุดที่ผมอยู่ตรงนี้นอกจากจะเป็นจุด Drop Off แล้วเนี่ยทุกคนมันจะเป็นลานน้ำพุด้วยมันจะเป็นจุดที่แบ่งแยกฟังก์ชันของตัวตึกนะครับตึกของฝั่งห้องพักเนี่ยมันจะเป็นทาวเวอร์สูง 37 ชั้นอยู่ฝั่งนู้นนะครับแต่ฝั่งตรงข้ามกันเนี่ยจะมีห้อง ballroom อยู่นะครับซึ่งใช้เป็นห้องจัดเลี้ยงสาเหตุที่เขาแบ่งฟังก์ชันอันนี้ออกมาเนี่ยเวลามีการจัดเลี้ยงเนี่ยรถยนต์เนี่ยจะกลับมาปุ๊บแล้วก็ดับส่งตรงบริเวณห้อง ballroom ได้เลยเพื่อให้มึงไม่ต้องไปรบกวนแขกที่เข้ามาพักที่โรงแรมแล้วก็จากด้านใน ballroom เนี่ยสามารถมองออกมาแล้วจะเห็นตัวตึกของอาคารโรงแรมในปัจจุบันนะครับทุกคนในวันที่โรงแรมส่วนมากเทคโอเวอร์โดยเครือโรงแรมใหญ่ๆทั่วโลกนะฮะหลายๆคนอาจจะไม่รู้ว่าโรงแรมเพนนินซูล่าเป็นหนึ่งในโรงแรม 5 ดาวที่เขายังโอเปอเรทแล้วก็บริหารงานด้วยตัวเองอยู่บริษัทที่เป็นบริษัทแม่เนี่ยมีชื่อว่าฮ่องกงเซี่ยงไฮ้ Hotelโดยที่คนที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่คือ Sir Michael DavidAdobeเขาเป็นมหาเศรษฐีชาวฮ่องกงทุกคนแล้วก็โรงแรมเพนนินซูล่าทั่วโลกมีอยู่แค่ประมาณ 10 แห่งเท่านั้นเองซึ่งแห่งแรกที่เป็นสาขาใหญ่อยู่ที่ฮ่องกงเกิดขึ้นในปี 1928 คือเกือบร้อยปีที่แล้วนะทุกคนส่วนที่กรุงเทพฯแห่งนี้เป็นแห่งที่ 6 นะครับซึ่งเกิดขึ้นในปี 1998ก็คือประมาณสัก 20ส่วนในอนาคตจะมี3 แห่งที่กำลังจะเปิดใหม่นะครับก็คือที่สั้น Blue ที่ลอนดอนแล้วก็ที่ย่างกุ้งทักไปนะต้นผมจะขอพาทุกคนไปเดินดูแฟซิลิตี้ส์ต่างๆภายในโรงแรมส่วนใหญ่เนี่ยมันจะมากองอยู่ทางด้านหลังตรงนี้นะครับเป็นส่วนที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยานั้นเองทุกคนเพราะว่าที่นี่เขาขายวิวแม่น้ำมากๆอย่างแรกที่อยากให้ดูก็คือตัวร้านอาหารภายในโรงแรมนะฮะที่นี่เป็นโรงแรมที่มีร้านอาหารด้วยกันทั้งหมด 6 ล้านนะครับซึ่งอยู่ตรงไหนบ้างทางด้านขวามือของผมตรงนี้นะเขาจะเรียกว่าRiver Cafe andไปร้านอาหาร all day dining ของโรงแรมใช้เสริฟอาหารเช้าด้วยแถมยังมานั่งกินข้าวเช้ากันตรงนี้เต็มเลยนะรวมถึงมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาส่วนที่อยู่ติดกับ River Cafe เขาจะเรียกว่าริเวอร์บาร์ก็จะเสิร์ฟเครื่องดื่มเฉพาะช่วงบ่ายๆแล้วก็ด้านหลังของพวกเราตรงนี้นะฮะอันนี้คือห้องอาหารจีนของโรงแรมที่มีชื่อว่าเหมยเจียงก็เป็นหนึ่งในห้องอาหารที่ชื่อดังของที่นี่เลยแล้วก็อยู่ติดกันทางด้านนี้จะเป็นทหารไทยที่มีชื่อว่าทิพย์ธาราข้อดีของร้านร้านนึงจะอยู่ตรงบริเวณสระน้ำเรียกว่า The Pool ครับส่วนอีกร้านนึงก็อยู่ตรงล็อบบี้พี่ง่ายๆมีด้วยกันทั้งหมด 6 ล้านให้แขกสามารถเลือกรับประทานได้คนทักมาแล้วทุกคนเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของตัวโรงแรมเลยนั่นก็คือตัวสระว่ายน้ำของโรงแรมเองนะซึ่งโรงแรมนี้สระว่ายน้ำของเขานะครับจะมีลักษณะเป็นแนวยาวทอดจากตัวโรงแรมลงไปยังตัวแม่น้ำเจ้าพระยาดังนั้นเราสามารถว่ายน้ำแล้วมองเห็นวิวแม่น้ำได้สิ่งหนึ่งที่ผมว่าการวาง layout แบบนี้มันดีนะมันทำให้แขกที่มาพักเนี่ยเขาเหมือนกับมีโซนที่เป็น privateสมมุติว่าเรานอนอยู่ตรงนี้แล้วกระโดดเล่นน้ำตรงนี้ไม่ต้องไปเล่นส่วนอื่นๆแล้วคนอื่นก็จะมีพื้นที่ของตัวเองเหมือนกันถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้กว้างมากแล้วก็ที่นี่เขาเคลมว่าเขาเป็นสระว่ายน้ำที่ยาวต่อเนื่องกันมากที่สุดในบรรดาโรงแรมกรุงเทพฯด้วยนะครับทุกคนต้นทางตรงข้ามของผมตรงนี้จะเป็นตัวครูบานะครับที่เราสามารถมาสั่งอาหารสั่งเครื่องดื่มตรงนี้มานั่งกินตรงนี้ได้แล้วก็เดินขึ้นไปด้านบนตรงนี้นะครับเห็นว่าเขามีการวางพวกบอลลูนฟรุตตี้ขนาดใหญ่แบบนี้ไว้ให้เราเล่นด้วยนะอันนี้เป็นของโรงแรมที่ทางโรงแรมเขาบอกว่ามีบริการให้เลยนะครับเราสามารถมายืมเล่นได้มีทั้งแบบว่าต้นมะพร้าวมีทั้งนกยูงเลยแบบนี้น่ารักดีแล้วก็อีกฟีเจอร์หนึ่งนะที่ผมมองว่ามันสวยงามมากๆของตัวสระว่ายน้ำนี้คือตัวศาลาที่อยู่ริมน้ำตรงนี้นะครับก็มันจะได้บรรยากาศที่มันมีความแบบรีสอร์ทมากขึ้นตรวจอาคารที่อยู่ด้านหลังพวกเราตรงนั้นนะนั่นคือตึกที่เป็นสปาของที่นี่นะครับซึ่งเขาเดลิเคทตึก 1 ตึกเพื่อทำเป็นสปาเลยนะเดี๋ยวพาเข้าไปดูตัวอาคารของสปาน้ำทุกคนจะเป็นอีกราคานึงที่เขาแยกส่วนออกมาจากตัวอาคารของตรงนี้มันจะเป็นอาคาร 3 ชั้นนะคะภายในจะมีห้องทรีทเมนท์อยู่ประมาณ 17 ห้องซึ่งถือว่าใหญ่มากนะสำหรับสปาที่อยู่ในโรงแรมแล้วก็เรื่องเบลเนี่ยทุกคนเอาจริงๆมันเป็นเรื่องที่หลายๆโรงแรมเพิ่งจะมาให้การโฟกัสกันไม่นานมานี้เองการที่เพนนินซูล่าเขาคิดเรื่องนี้ได้ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้วหรือว่าเขารำหน้าก่อนโรงแรมมากๆการตกแต่งภายในอาคารอย่างเงี้ยมันจะมีความหวังมีความ relaxให้คนที่เข้ามาใช้บริการเขารู้สึกผ่อนคลายระหว่างส่วนภายในห้องทรีทเม้นท์ดวงของเขานะฮะยังห้องนี้จะเป็นห้องRiver suiteได้ครับก็คือจะเป็นห้องที่สามารถเข้าพร้อมกันได้ 2 คนนะทุกคนภายในห้องเรียนจะมีพวกแฟซิลิตี้สำหรับอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรให้เสร็จเรียบร้อยแล้วเราไม่ต้องขึ้นไปบนห้องใช้ตรงนี้ได้เลยแล้วก็หนึ่งใน signature Treatment ของเขานะคะจะเป็นตัว Singing Bowl ครับที่เขาจะใช้ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายแล้วภายในห้องสปาเนี่ยมันจะมีบ่ขอสกุชชี่ด้วยนะให้เราสามารถนอนแช่น้ำฟังเสียงแล้วก็มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาคัดมาแล้วทุกคนเราพาทุกคนขึ้นมาที่ชั้น 37 นะครับซึ่งเป็นชั้นบนสุดของ2 ตัวโรงแรมซึ่งที่นี่มีไฟ City อย่างนึงที่เป็นแฟซิลิตี้ส์พิเศษที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนซึ่งก็คือห้องนี้นะห้องนี้เรียกว่าห้องบริพัตรนะครับเป็นห้องรับรองสำหรับแขก VIP หรือแขกพิเศษนั่นเองนะพรุ่งนี้เขาจะใช้จัด Private Event นะครับทุกคนเตรียมของพรุ่งนี้มันจะมีการตกแต่งเป็นตีมของสาเหตุที่เขาใช้ชื่อว่าห้องบริพัตรก็คือเขาตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติเจ้าฟ้าบริพัตรขุนพันธ์ด้วยนะครับที่เป็นแล้วก็ cylindricalที่เขาเป็นเจ้าของโรงแรมคือเขาเป็นคนชอบเรื่องเครื่องบินมาแล้วเขาก็มีของสะสมมีอะไรต่างๆเขาก็เลยสร้างห้องนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นเหมือนกับที่แสดงของสะสมของเขารวมถึงเปิดให้แขก VIPผีที่มาโรงแรมเขาเนี่ยสามารถมาเดินชมสินค้าเหล่านี้ได้แล้วก็มันจะมีสิ่งที่มันเป็นโมเดลเครื่องบินที่มันประดับอยู่ตามห้องพรุ่งนี้อันนี้เป็นโมเดลของเจ้าของโรงแรมแล้วเขาก็จะมีพนักงานคนนึงนะครับเป็นพนักงานของเพนนินซูล่าที่จะคอยบินไปตามโรงแรมเพนนินซูล่าต่างๆเพื่อดูแลรักษาโมเดลต่างๆเรานี้นะมาคอยเช็คความเรียบร้อยมาทำความสะอาดหน้าเมรุซึ่งถือว่าเป็นของที่พิเศษมากๆแต่สาเหตุจริงๆที่เขาต้องมีห้องบริพัตรคือห้องนี้มันเป็นห้องรับรองแขกที่เขาเดินทางมาคือที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงนี้จะเป็นคอนโทรลรูมนะครับจะเป็นจุดที่ทางโรงแรมเนี่ยเขาจะสื่อสารสารกับนักบินที่นั่งเฮลิคอปเตอร์มาเพราะว่าบนยอดตึกเนี่ยจะมี Harry Potterเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์แบบ full functionแล้วแผงควบคุมตอนนี้ยังใช้งานได้ตามปกติแล้วเขายังใช้กันอันนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นในโรงแรมอื่นมาก่อนเลยส่วนทางขึ้น harris นะครับอยู่ทางด้านหลังเมื่อเราขึ้นมาทางด้านบนนะทุกคนเราจะพบกับลานจอดเฮลิคอปเตอร์นะฮะซึ่งตัวนี้ก็เป็นนิติภาวะขึ้นมานั่นเองในโรงแรมส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯนะทุกคนเขาก็จะมีพื้นที่สำหรับให้เฮลิคอปเตอร์เนี่ยสามารถลงจอดแบบฉุกเฉินได้นะคะแต่ไม่มีโรงแรมไหนเลยนะที่มีHarris แบบ full function ลักษณะแบบนี้นะครับแล้วก็ได้มาตรฐานของการบินด้วยนะคือผมก็เลยถามทางโรงแรมนะครับว่าเขามีลูกค้ามาใช้บ้างไหมตัวลานจอดเฮลิคอปเตอร์เนี่ยเขาบอกว่าในช่วงที่ก่อนโควิดจะมีลูกค้านั่งเฮลิคอปเตอร์มาทุกอาทิตย์เลยนะครับบางทีก็จะนั่งมาจากสนามบินสุวรรณภูมิบ้างมาจากจากจังหวัดหรือเมืองข้างเคียงบ้างหรือบางทีเขาก็จะสมมุติว่าอยู่ที่โรงแรมสักพักเขาจะนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปทานอาหารในจังหวัดใกล้เคียงไปพัทยาไปหัวหินดินเนอร์มื้อนึงแล้วก็กลับแบบนี้ก็มีนะครับซึ่งค่าใช้จ่ายในการใช้เฮลิคอปเตอร์ในมันสูงมากนะทุกคนชั่วโมงบินครั้งนึงเนี่ยตกมาประมาณสัก 8-9 หมื่นบาทเป็นอย่างน้อยเลยนะครับซึ่งแพงมากแต่คนที่จะนั่งเฮลิคอปเตอร์เนี่ยส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่แบบเป็นระดับบุคคลสำคัญเป็นคนมีชื่อเสียงหรือว่าเป็นมหาเศรษฐีที่เขาต้องการ privacy สูงมากๆในการที่เขาจะมาพักที่นี่เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขามาเลยโรงแรมนี้ก็น่าจะเป็นโรงแรมเดียวในกรุงเทพฯที่ตอบโจทย์ส่วนต่อไปนะทุกคนเราจะพาไปดูห้องพักของโรงแรมนะครับห้องพักของที่นี่เขาจะมีการจัดวางแปลนแบบ Single load corridorคือตรงจุดที่ผมยืนอยู่นี้จะเป็นโถงทางเดินครับซ้ายมือของผมจะเป็นห้องพักคนขวามือเนี่ยมันจะเป็นหน้าต่างมองคือมันจะไม่มีห้องพักอยู่ทางขวามือของผมผมเลยเขาทำแบบนี้เพราะว่าเพื่อจะให้ห้องพักทุกห้องหันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาในขณะที่ฝั่งนี้มันเป็น City Viewเขาเลยเอาโถงทางเดินมาชิดกับหนังตึกทางฝั่งห้องพักของที่เนี่ยจะมีอยู่ทั้งหมด 370ใน 370 ห้องจะมีห้องสวีทแล้วก็มี 6 ห้องเป็นตีนสุ่มทับทิม suite คือเป็นห้องสวีทพิเศษที่มีการตกแต่งไม่เหมือนกันเลยทั้งห้องมีห้องพิเศษของห้องพี่อยากจะพาไปดูห้องแรกคือดูแพงตัวห้อง duplex suite นะครับรู้จักว่าเป็นห้องรองท็อปของตัวโรงแรมห้องนี้จะตั้งอยู่ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมก็คือชั้น 36เป็นห้อง 2 ชั้นพื้นที่เนี่ย 330 ตารางนะครับโดยที่มีราคาห้องพักต่อคืนอยู่ที่ท่านหมื่น 6,000 บาทนะครับจัดว่าเป็นห้องที่ราคาไม่ถูกเลยจุดเด่นของห้องนี้คือมันเป็นห้องเดียวในโรงแรมที่เป็นห้อง duplexวันนี้มันจะทำให้พื้นที่ Living areaมีการเปิดเพดานแบบ Double Volumeเรามักจะเห็นในคอนโดหรูสมัยใบนี้นะฮะมีห้องเพ็ญหรือว่าตามโรงแรมแต่ถ้าเราพูดถึง 222 ปีที่แล้วเนี่ยที่นี่เป็นหนึ่งในโรงแรมแรกๆประเทศไทยเลยนะที่มีห้องซึ่งตอนนั้นจะว่าเท่มากๆแล้วด้วยความที่ที่เนี่ยเป็นโรงแรมที่ขายวิวแม่น้ำเจ้าพระยาดังนะเนี่ยเวลาเรามองวิวจากตัวห้องนี้มันจะสวยกว่าเราจะสามารถมองจากบนระเบียงชั้น 2ลงมาที่หน้าต่างด้านล่างได้นะครับแล้วก็จะเห็นเป็นวิวกว้างๆฟังก์ชั่นการใช้งานห้องนี้เนี่ยเราเปิดประตูเข้ามานะครับก็จะเจอกับพื้นที่ส่วนของ Living area ตรงกลางนี้ก่อนก็จะมีโซฟานั่งชมวิวดูทีวีน้ำชาด้านข้างได้แบบส่วนห้องที่อยู่ติดกันทางด้านหลังพรุ่งนี้นะคะก็จะเป็นของห้องรับประทานอาหารมีโต๊ะรับประทานอาหารเวลาถ้าเกิดทุกคนมีโอกาสได้มาเป็นแขกพักที่นี่ผมอยากจะให้ทุกคนสังเกตเรื่องการตกแต่งแล้วก็ที่เขาเอาไว้ใช้ตกแต่งนะครับรวมถึงเฟอร์นิเจอร์ต่างๆด้วยกูนี่สไตล์การตกแต่งแต่งของเขาเนี่ยให้นิยามมันว่ามันจะอยู่ตรงกลางระหว่างคลาสสิคContemporary ก็คือร่วมสมัยคือมันจะไม่ถึงกับ Classic จ๋าขาสิงห์เฟอร์นิเจอร์หลุยส์ขนาดนั้นแต่ว่าเมื่อเทียบกับ contemporary ในปัจจุบันแล้วนะที่เนี่ยมันก็ไม่ได้แบบว่าเส้นสายเรียกเข้านะครับมันยังมี Detail ของวัสดุให้เราสังเกตเยอะพอสมควรไม่ว่าจะเป็นตู้คอนโซลโต๊ะกลางโต๊ะเก้าอี้ต่างๆนะครับโคมไฟแจกันหรือว่าพับที่เขาใช้ตกแต่งภายในผมว่าหลายชิ้นสวยงามมากๆรักนะครับรวมถึงพวกภาพวาดถ้าเกิดได้มาลองพักที่นี่อีกอยากให้มาลองห้องนอนของ duplex suite นะครับจะมีด้วยกัน 2 ห้องนะห้องนึงจะอยู่ชั้นล่างจะเป็นห้อง twin bed นะครับตรวจลอตเตอรี่ขึ้นบันไดมาแล้วจะเจออีกห้องนึงจะเป็น Master Bedroomฝั่งนี้นะครับเวลาไปโรงแรมสมัยก่อนเนี่ยทุกคนเวลาเราเปิดประตูเข้าห้องปุ๊บมันจะมีจุดพักที่มันเป็นโปเยเล็กๆก่อนนะก่อนที่จะเข้าไปในห้องจริงๆนะครับเพื่อเป็นเหมือนกับกันเพิ่ม privacy ให้กับตัวห้องนี้อีกทีหนึ่งแล้วก็ประตูทางด้านหลังของผมพรุ่งนี้นะครับเปิดประตูออกไปปุ๊บเราจะเจอกันห้องบริพัตรที่เราพึ่งพาไปคือห้อง duplex suite เนี่ยมันจะมีความพิเศษตรงที่ว่ามันจะเป็นห้องสำหรับแขก VIPเวลาเขานั่งเฮลิคอปเตอร์มาจอดฮอเดินลงมาห้องบริพัตรสามารถเปิดประตูบานนี้เดินเข้าห้องของตัวเองได้เลยนะครับเพื่อเป็นการให้ใครไปสี้กับแขกมากที่สุดเพราะว่าแขกเขาเป็นแบบระดับคนบุคคลสำคัญของโลกนี้นะเปิดประตูเข้าห้องมานะครับทุกคนเราจะเจอกับส่วนของWalk in closetคือโรงแรมในยุคนั้นเนี่ยเวลาเปิดประตูเข้าห้องนอนเราจะยังไม่เจอเตียงนอนครับมันจะดูไม่ค่อยงามเท่าไหร่ดูแบบไม่ค่อยไปแต่ว่าการที่จะเปิดเข้ามาปุ๊บแล้วเจอคนที่ลงๆมันก็ดูไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์ใช่ไหมครับดังนั้นเขาเลยทำเป็น walk in closet ยาวต่อเนื่องมาจนถึงหน้าประตูตรงนี้ก็เป็นตู้เสื้อผ้ารับตรงนี้เป็นตู้เสื้อผ้าด้านหลังผมข้างในห้องนู้นก็เป็นตู้เสื้อผ้าน่ะซึ่งมันจะอยู่ติดกับศูนย์ห้องน้ำตรงนี้ที่เรายังไม่พาไปดูเดี๋ยวเราพาเข้าห้องนอนตัวห้องนอนเนี่ย function มันจะไม่ได้มีอะไรมากก็คนมันรักอ่ะคือเอาไว้นอนยังเปิดเข้ามาปุ๊บมีเตียง Double Bed วางอยู่มีทีวีวางอยู่ด้านข้างและสิ่งหลักๆที่เขาจะขายเราเลยนะครับคือวิวครับคือตรงนี้มันจะเป็นกระจก 3 ด้านแบบนี้เวลาเรายืนอยู่ตรงนี้เราจะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ฝั่งนี้ไปจนถึงฝั่งนี้แบบ 180แล้วก็สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะให้สังเกตนะครับคือเขามาจะทำผนังแบบหนาวมากเลยนะฮะนี่คือผนังกระจกของตัวโรงแรมนะครับนี่คือคงไม้ที่เขาบิวเบิ้ลผนังขึ้นมาเพื่อทำเป็นกล่องวางซึ่งในสมัยนั้นเนี่ยเขายอมเสียพื้นที่ขนาดนี้เพื่อทำผนังเบิ้ลขึ้นมาอีกเพราะว่าการทำแบบนี้มันจะทำให้ห้องเนี่ยดูเนี้ยบดูสวยสวยขึ้นมากเลยดีเทลอย่างนึงที่อยากจะให้ดูคือตัวเขาบุกด้วยผ้าครับเป็นผ้าแบบเป็นผ้านวมนิดนึงอ่ะที่แบบมันจะมีความแบบบุ๋มลงไปได้หน่อยนึงอ่ะทุกคนสมัยนี้คือไม่มีแล้วนะเป็นวอลเปเปอร์หมดเลยอ่ะเจ๋งมากฟังก์ชั่นสุดท้ายที่อยากจะพามาดูนะทุกคนคือห้องน้ำมาสิ่งที่ห้องน้ำห้องนี้ไม่เหมือนห้องอื่นหรือไม่เหมือนโรงเรียนอื่นด้วยคือที่เนี่ยเป็นห้องน้ำทรงแปลกสังเกตได้ว่าผนังเข้ามุมมันจะเป็นรูปทรงแปดเหลี่ยมแล้วก็ฝั่งซ้ายขวาของผมเนี่ยมันจะเป็นอ่างล้างหน้าแฟนเธอมุมนึงจะเป็นโถสุขภัณฑ์อีกมุมหนึ่งจะเป็นชาวเวอร์แล้วก็ตัวอ่างจากุซซี่อยู่กลางห้องครับสามารถแช่น้ำเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยามีอย่างหนึ่งที่อยากจะให้ดูนะฮะคือนี่ครับทีวี20 ปีที่แล้วนะครับมีโรงแรมไหนบ้างที่มีห้องน้ำที่มีทีวีฝังอยู่นี่ถือเป็นโรงแรมเล็กๆที่มีแบบนี้ได้อย่างนึงที่เป็น Detail เล็กมากๆแต่ผมอยากจะชี้ให้ดูคือที่วางสบู่คืออันนี้เป็น Top หินอ่อนนะทุกคนที่เขาทำการแกะสลักที่วางสบู่ลงไปในเนื้อหินเลยนะครับแถมมีร่องระบายอาบน้ำให้ด้วยนะสบู่ก้อนแบบนี้ไปวางนะคะมันจะแบบใช้งานได้ดีมากๆสมัยนี้แล้วสุดท้ายนะครับเราจะพาออกมาดูตัวระเบียงของห้อง duplex suiteตัวห้องนี้จะเป็นห้องที่มีฟังชั่นพิเศษคือมีบ่อสกุชชี่ Outdoor รวมถึงมี daybed วางอยู่แบบนี้ตรงระเบียงของห้องตัวเองแล้วก็ห้องนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่ห้องนะทุกคนที่เราสามารถมองเห็นวิวพระอาทิตย์ตกแล้วก็ภาษีขึ้นได้คือโรงแรมนี้ห้องส่วนใหญ่ในหันไปทางแม่น้ำแล้วพระอาทิตย์ขึ้นทางฝั่งแม่น้ำในขณะที่พระอาทิตย์จะตกอีกด้านหนึ่งห้องนี้เป็นห้องที่มีระเบียงยื่นออกมาด้านข้างของตัวตึกทำให้สามารถมองเห็นวิวพระอาทิตย์ตกให้ด้วยถัดจากห้อง duplex suite นะครับจะมีห้องพิเศษอีกห้องนึงที่อยากจะพามาดูนะครับห้องนี้เป็นห้องที่ท็อปที่สุดของโรงแรมราคาสูงที่สุดของโรงแรมด้วยนะฮะห้องนี้ก็คือเพนนินซูล่าเซอร์วิสเพนนินซูล่าสวีทจะตั้งอยู่ที่ชั้น 34นะครับแล้วก็จะมีพื้นที่ 36014 ตารางเมตรราคาห้องพักต่อคืนเหลืออยู่ที่ 10,000 บาทนะครับซึ่งถือว่าราคาสูงมากๆเลยต้องดีนะมีสิ่งหนึ่งที่ผมยังไม่ได้อธิบายไปตั้งแต่ต้นคลิปเลยนะครับคือ layout ของตัวตึกของโรงแรมเพนนินซูล่าเนี่ยรอแฟนของเขาเนี่ยจะเป็นรูปตัว Wซึ่งการที่เขาทำเป็นรูปนี้เขาต้องการทำให้ห้องทุกห้องที่อยู่ในสามารถรับวิวแม่น้ำให้ได้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นแต่ในขณะที่ห้องนี้มันเป็นห้องที่พื้นที่ใหญ่มากเกือบจะเท่ากับแฟนของทั้งชั้นนี้แล้วทำให้ layout ของตัวห้องเพนนินซูล่าสวีทมันมีความแปลกไม่เหมือนกับห้องพักเพนเฮาส์ช่องอื่นๆที่ผมไม่เคยเห็นมันจะมีความคล้ายๆตัว W เหมือนกันนะครับเวลาเปิดประตูเข้าห้องมาปุ๊บเนี่ยแล้วจะเจอกับพื้นที่ที่เป็น Common area ที่วางอยู่ตรงกลางนะครับที่จะเป็นส่วนที่ทุกคนในห้องได้ไหมใช้ร่วมกันได้แล้วก็แยกไปฝั่งซ้ายขวาเนี่ยมันจะเป็นห้องนอนห้องน้ำก็คือฝั่งนี้จะเป็นส่วนของห้อง Master Bedroomได้ฝั่งนึงจะเป็นส่วนของห้องนอนเล็กก็เดี๋ยวผมจะขอพาชมฟังก์ชันของห้อง senegalดีกันนะครับเริ่มจากตรงกลางนี้ก่อนตรงกลางนี่แหละที่บอกเป็นส่วนของ Common area พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่นั่งเล่นนะทุกคนเป็นจุดที่แบบเรามานั่งพักผ่อนชมวิวแม่น้ำจิบ optimum ทีนะที่เราสามารถเลือกเรียก Butler service ขึ้นมาเสิร์ฟเราที่ห้องได้แล้วก็ด้านข้างตรงนี้เนี่ยจะมีส่วนของมินิบาร์อยู่นะครับซึ่งผมอยากจะให้ดูดีไซน์ของตู้เขานิดนึงตู้ Cabinet ภายในห้องนี้มันจะเป็นแบบPocket Door นะครับคือเป็นหน้าบานที่เราสามารถเปิดแล้วก็ซ่อนหน้าบานเอาไปไว้ด้านข้างแบบนี้ได้นะคะครับต้องดีไซน์แบบนี้สมัยใหม่พบเห็นได้ค่อนข้างจะทั่วไปแล้วแต่สมัย 20 ปีที่แล้วเนี่ยเดือนนี้ถือว่าเป็นของที่ค่อนข้างจะตามมาคือกันนะครับแม้แต่ชุดครัวทุกวันนี้การที่จะมี Pocket Door แบบนี้ยังต้องจ่ายราคาแล้วก็ด้านล่างก็จะเป็นตัวตู้เย็นมินิบาร์เราสามารถเปิดปุ๊บแล้วก็จะมีแบบนี้บ้างรวมอยู่ในห้องส่วนตู้ทางฝั่งนี้นะครับจะเป็นตู้ที่เขาใช้เก็บพวกชุดเครื่องเสียงเอาไว้อันนี้ก็เป็นชุดเครื่องเสียงตั้งแต่ดั้งเดิมสมัยโรงแรมเปิดแล้วดูการออกแบบดีไซน์ตู้ของเขาเนี่ยคือเขาทำมาเพื่อให้มันสามารถฟินตัวพวกชุดคอนโทรลต่างๆพรุ่งนี้ได้อย่างพอดีเป๊ะเลยนะครับวันนี้มีสลัดสำหรับแบบเก็บพวกกล่อง CDIที่เสียบเข้าไปด้านข้างนะสมัยที่ยังใช้ CD Player อยู่แล้วพวกพอร์ตต่างๆเขามีการแบบทำหน้ากากอะไรออกมาให้มันดูเรียบร้อยซึ่งอันนี้โรงแรมยุคใหม่ๆไม่ค่อยเห็นแบบนี้กันแล้วนะเดินผ่านมาอีกห้องนึงนะครับห้องนี้จะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 6 ที่นั่งซึ่งสามารถนั่งกินข้าวแล้วก็มองเห็นเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วยได้ไหมแต่มันมีพื้นที่น่าสนใจอีกอย่างนึงอยู่ทั้งข้างๆกันนะทุกคนอยู่ตรงนี้โต๊ะกินข้าวอยู่ติดกับสวนครัวและสวนครัวจะมีประตูที่เปิดออกไปยังด้านนอกได้ด้วยเวลาเราอยู่ในห้องเนี่ยเราสั่ง room serviceแม่บ้านเขาจะเปิดประตูเข้ามาเตรียมอาหารให้เราตรงนี้แล้วยกเข้ามาเสิร์ฟตรงโต๊ะกินข้าวได้พอดีแล้วเสร็จปุ๊บเนี่ยเขาก็จะเดินออกประตูนี้ไปโดยที่ไม่ต้องไปรบกวนเราที่บางทีเราอาจจะนั่งเล่นอยู่ห้องนู้นนะครับแล้วก็ทางด้านข้างตรงนี้นะครับเขาจะมีห้องสำหรับผู้ติดตามด้วยนะบางทีเรามาพักกันหลายคนเนี่ยเราจะมีผู้ติดตามมีพี่เลี้ยงหรือคนขับรถเราอะไรเนี่ยจะเป็นคนสนิทกันน่าจะให้เขานอนพักห้องนี้ก็ได้ซึ่งตั้งแต่ผมไปรีวิวมาหลายโรงแรมในทุกคนต้องบอกว่าแทบจะไม่มีโรงแรมไหนเลยนะที่มีห้องสำหรับปรับผู้ติดตามให้แบบนี้และก่อนที่จะเข้าสู่โซนห้องนอนในทุกคนตรงนี้จะมีห้องเล็กๆห้องนึงนะครับซึ่งในแบรนด์นี้Fitting Roomพรุ่งนี้มันจะเป็นห้องที่มีโซฟาสำหรับนั่งดูทีวีได้ครับโต๊ะทำงานวางอยู่ตัวนึงซึ่งมีสิ่งหนึ่งที่มัน Amazingผมมากๆเลยนะคือเขามีเครื่องแฟกซ์อยู่ในห้องนี้ด้วยครับทุกคนตัวนี้มันเป็นเครื่องแฟกซ์สมัยก่อนเลยนะซึ่งเขาดินเครื่องนี้เก็บไว้กับโต๊ะนี้เลยนะครับเขาออกแบบลิ้นชักอันนี้มาเพื่อให้มัน 3คือมีช่องตรงนี้ให้สำหรับกระดาษมันออกมาแล้วก็ตัวเครื่องสักหน่อยต้องเป็นรุ่นนี้เท่านั้นด้วยมันถึงจะแบบฟิตพอดีกับพื้นที่ตรงนี้เวลาเช็คอินสมัยก่อนโรงแรมเนี่ยแฟนเขาจะบอกเบอร์แฟกซ์กับทุกๆห้องนะครับเพื่อให้เราสามารถรับแตกได้เองในห้องของตัวเองได้เลยซึ่งถือว่าค่อนข้างสะดวกนะในสมัยนี้เรายังทำเองไม่ได้เลยใช่ไหมแล้วก็อันนี้อีกอย่างนึงนี่คือสายแลนเข้าทุกคนคือมันเป็นสาย Lan สำหรับแบบให้เราใช้กับคอมพิวเตอร์เราได้นะครับแล้วก็มันก็จะมีปลั๊ก Lan ให้เสียบอยู่ด้านข้างตรงนี้นะฮะซึ่งทั้งหมดจะซ่อนอยู่ในเฟอร์นิเจอร์หมดเลยแล้วก็สายแลนนี้เวลาเก็บมันก็จะแบบดูเรียบร้อยมากๆนะครับเหมือนกับกล่องเทปคาสเซ็ทและสุดท้ายนะครับเราก็สามารถเดินเข้าห้องนอนนะก็คือกว่าเราจะเดินผ่านฟังก์ชันต่างๆนะกว่าจะมาถึงตัวห้องนอนให้ใช้เวลาพอสมควรเลยใจจริงฟังก์ชันห้องนอนไม่ได้มีอะไรมากนะทุกคนมีส่วนเตียงนอนตรงนี้นะครับที่สามารถมองออกไปแล้วก็เห็นวิวภายนอกได้ซึ่งตรงนี้เขาจะใส่มาเป็นหน้าต่างมองเห็นวิวแม่น้ำทั้งเส้นเลยแล้วก็บริเวณปลายเตียงจะมีตู้อยู่ 1 อันนะครับซึ่งเมื่อกดปุ่มตรงหัวเตียงครับทีวีก็จะถูกยกขึ้นมานั้นเองครับก่อนหน้าแบบนี้นะฮะแต่นี้เป็นของรุ่นใหม่นะทุกคนเพราะว่าถ้าเกิดเราสังเกตก็คืออันนี้มันจะเป็นทีวีจอแบนที่ผมจะกดให้ดูเนี่ยไม่ได้ดูทีวีหรอกแต่จะให้ดูอันนี้ครับมันคือเบสสายคอนโทรลหรือว่าแผงควบคุมข้างเตียงตรงนี้นั่นเองอันนี้จริงๆมันคือ Home automationเมื่อ 20 ปียังสามารถใช้งานได้จนถึงทุกวันนี้เลยนะทุกคนคือทุกคนลองคิดดูว่าโรงแรมทันสมัยเมื่อ 20 ปีที่แล้วมี Homeทุกวันนี้บางบ้านยังไม่มีเลยและอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะให้ดูด้วยนะครับคือตัวโต๊ะหัวเตียงคือทุกคนก็สังเกตว่าตัวผนังข้างๆเนี่ยมันจะเป็นผนังที่แบบเข้ามุมป้านแบบนี้เป็นมุมแปลกๆแต่เขาทำโต๊ะหัวเตียงให้มันเป็นรูปทรงที่มันปีนเข้ากับตัวผนังตรงนี้พอดีเลยเพราะมันทำแบบนี้เวลาเราเดินเข้าห้องมันจะไม่มีมุมยื่นออกมาให้เราแบบเดินเตะหรืออะไรแบบนี้อันนี้มันเป็น AttentionDetail ที่แบบเขาตั้งใจเดินข้ามมาอีกวิ่งทางด้านนึงของตัวห้องนี้นะเราจะมาเจอกันMaster BedroomPostural function มันคล้ายกับห้องนอนเล็กเมื่อกี้เลยแต่ว่าฟังก์ชันแต่ละส่วนจะมีขนาดที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างเช่นห้องทำงานอันนี้จะเป็นห้องทำงานส่วนตัวภายใน YouTubeโดยที่โต๊ะก็จะใหญ่ขึ้นมีพื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้นมีพื้นที่ที่มันเป็นสัดเป็นส่วนแล้วก็ตรงมุมนี้นะทุกคนจะมีมุมสำหรับยืนชมวิวตรงนี้มันจะเป็นลักษณะเป็นกระจกเบย์วินโดว์ที่เข้ามุมแบบนี้แล้วก็มันจะเป็นจุดที่ให้เราสามารถเดินออกไปแล้วมองวิวของแม่น้ำทั้งสอง2 ฝั่งได้คือถ้าเกิดเราทำเป็นกระจกแบนๆมันจะเห็นวิวได้ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่แต่พอทำเป็น windows มันจะได้วิวสวยเหมือนกวางคือส่วนส่วนของห้องนอนใหญ่ทุกคนห้องนอนใหญ่ขนาดใกล้เคียงกับห้องนอนเล็กเลยสิ่งที่มันแตกต่างเหรียญใบก็คือจะเปลี่ยนจากเตียง twin bed เมื่อกี้ใกล้ถึงจริงๆเบสแค่นั้นเองแต่สิ่งที่ Master Bedroom ไม่เหมือนกับห้องเมื่อกี้คือพื้นที่ของ walk in closetเสร็จแล้วก็ห้องน้ำวอคอินโครเซทจะเริ่มต้นหลังประตูบานนี้เป็นต้นไปผมจะพาทุกคนเดินดูเดินทางเข้ามาด้านในเนี่ยทุกคนตรงนี้จะเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้าแล้วนะฮะคือเปิดมา 2 นิอันนี้ก็จะเป็นตู้เสื้อผ้าส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นพื้นที่สำหรับรับวางกระเป๋าเดินทางเข้ามาอีกนิดนึงนะทุกคนต้องเจอกับพื้นที่วางกระเป๋าเดินทางใบที่สองของคุณผู้หญิงรวมกับตรงนี้มีราวแขวนเสื้อได้อีกหน่อยนึงแล้วเดินเข้ามาด้านในตรงนี้ก็จะมีWalk in closet จริงๆนะที่จะมีวาล์วสำหรับแขวนเสื้อผ้าเต็มไปหมดเลยนะครับเสร็จปุ๊บทางฝั่งนี้นะทุกคนเราจะเดินเข้ามาในส่วนของห้องน้ำ Master ซึ่งจะใหญ่ขึ้นมาอีกห้องน้ำพรุ่งนี้ก็จะมีอ่างล้างหน้า his and her2 ฝั่งแล้วก็เดินเข้ามาปุ๊บด้านในตกลงก็จะเป็นอ่างจากุชชี่นะครับที่อยู่ติดกับตัว shower บล็อกที่อยู่ข้างๆกันตรงนี้น่าจะเป็นมุมไฮไลท์มุมนึงของห้องนี้เลยนะที่เราสามารถนอนแช่น้ำแล้วดูวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้แล้วจะมีฟังชั่นอีกอันนึงที่ไม่มีในห้องอื่นเลยนะครับก็คือฟิตเนสส่วนตัวภายในห้องนั้นเองห้องนี้จะเป็นอยู่นิดเดียวในโรงแรมนะครับที่มีฟิตเนสส่วนตัวก็จะมีอุปกรณ์ให้มีลู่วิ่งมีดัมเบลอะไรต่างๆแถมมีจอทีวีให้เราแบบวิ่งไปด้วยดูหนังไปด้วยได้ด้วยนะคะOk ครับทุกคนตอนนี้เราก็จบแล้วนะสำหรับการพาชมโรงแรมเพนนินซูล่า Bangkok นะครับต้องบอกว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้โรงแรมแห่งนี้แตกต่างมากๆเลยนะตั้งแต่เราก้าวเข้าประตูมาเลยนะครับการตกแต่งคือผมก็ดีใจนะที่เขายังเป็นโรงแรมนึงที่ยังคิดสไตล์คลาสสิคเดิมไว้ตั้งแต่เหมือนกับที่โรงแรมตอนเปิดใหม่ๆซึ่งมันทำให้เรารู้สึกว่า experience ในการที่เราเข้ามาสูงที่เนี่ยมันไม่เหมือนกับโรงแรมอื่นๆที่เราเคยไปมาแล้วก็อีกอย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกว่ามันไม่เหมือนที่อื่นเลยนะคือเรื่องของพวกนิตินะครับโดยเฉพาะ harrisน่าจะไม่มีโรงแรมไหนในกรุงเทพฯอีกแล้วนะครับที่สามารถแบบนั่งครึ่งเฮลิคอปเตอร์มาแล้วก็ลงจอดบนดาดฟ้ากดลิฟท์ลงมาแล้วเดินเข้าห้องได้เลยแบบนี้นะฮะน่าจะเป็นที่เดียวในกรุงเทพฯแล้วก็ด้วยความที่เขาเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยาครับแต่ว่าทำเลเขายังอยู่อยู่ในตัวเมืองกรุงเทพฯมันมีความเป็น urban Resort คือเป็นโรงแรมที่อยู่ใจกลางเมืองแต่ว่าไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนโรงแรมที่อยู่ในเมืองเหมือนกลับเราไปพักผ่อนตากอากาศซึ่งก็ต้องว่ากันตามตรงว่าไม่มีหลายโรงแรมนักนะที่จะหาสามารถให้ความรู้สึกแบบนี้นี้กับเราได้แต่สุดท้ายเลยสิ่งที่ผมครึ่งที่สุดกับโรงแรมนี้แล้วกันคือการที่เขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้วณวันนั้นผมเชื่อว่ามาเขาเป็นโรงแรมที่ล้ำสมัยและไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแต่ละคนถึงยกย่องให้ที่นี่เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดในในวันนี้นะคะก็ต้องขอขอบคุณทางโรงแรมเพนนินซูล่ากรุงเทพฯนะครับที่ให้ผมแล้วก็ทีมงานนะมีโอกาสมาถ่ายทำแล้วก็พาทุกคนมาดูโรงแรมแห่งนี้ตอนหน้าจะพาไปที่ไหนต้องกดติดตามวันนี้ผมบุญฤทธิ์ขอลาไปก่อน