Soneva Kiri เป็นรีสอร์ทหรูหราที่ตั้งอยู่บนเกาะ Koh Kood ที่ห่างไกลจากชายฝั่ง แถบอ่าวไทย รีสอร์ทนี้มีบริการเครื่องบินส่วนตัว สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและมีความเป็นเอกลักษณ์ ในบทความนี้เราจะพาไปสำรวจลักษณะเด่นของ Soneva Kiri และทำไมมันเป็นเรืองที่น่าสนใจในหมู่รีสอร์ทหรูในประเทศไทย
สถานที่ตั้งและการเดินทาง
Soneva Kiri ตั้งอยู่บนเกาะ Koh Kood ที่ห่างไกลจากชายฝั่ง แถบอ่าวไทย โดยสามารถเดินทางไปถึงได้โดยเรือสปีดโบ๊ทจากท่าเรือ Trat ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง สามารถเดินทางมาจากกรุงเทพฯได้โดยการเดินทางโดยสารเครื่องบินภายในประเทศ ใช้เวลา 60 นาที หรือหากต้องการสะดวกสบายสามารถเลือกบริการเครื่องบินส่วนตัวของ Soneva Kiri ที่มีบริการโดยตรงจากกรุงเทพฯ ถึงท่าอากาศยานส่วนตัวของรีสอร์ท
ที่พัก
ห้องพักที่ Soneva Kiri มีความหรูหราและสะดวกสบาย มีห้องพักให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น Beach Villa, Hill Villa, Cliff Villa, Ocean Pool Villa และ Sunset Ocean View Pool Villa ที่มีพื้นที่ห้องพักกว้างขวาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น ทีวีจอแบน, อินเทอร์เน็ตไร้สาย, ระบบเสียงเชิงกลาง และระบบความปลอดภัย และยังมีพื้นที่ด้านนอกที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว และอุปกรณ์สำหรับทำบาร์บีคิว ให้แขกได้ผ่อนคลายในช่วงเวลาว่างๆ
อาหารและเครื่องดื่ม
Soneva Kiri มีร้านอาหารหลากหลายแบบรวมทั้งอาหารไทย อาหารจีน อาหารมื้อเที่ยงและอาหารยุโรป รีสอร์ทเน้นการใช้วัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติและออร์แกนิก เพื่อสร้างอาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ แขกสามารถเลือกได้ว่าจะมาทานอาหารที่ร้านอาหารของรีสอร์ทหรือเลือกอาหารส่วนตัวในวิลล่าหรือบนหาดทราย
กิจกรรม
Soneva Kiri มีกิจกรรมหลากหลายสำหรับแขก เช่น ดำน้ำ พายเรือคายัค จักรยานฟิตเนส ซึ่งทั้งหมดมีอุปกรณ์ครบครัน และให้ความสนุกสนานตลอดเวลา สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย รีสอร์ทยังมีการเดินป่าและปีนน้ำตก ให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
Soneva Kiri ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และมีการดำเนินการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในหลายๆ ด้าน เช่น มีสวนผักและผลไม้อินทรีย์ของตัวเอง ใช้วัสดุซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการสร้างสิ่งก่อสร้างและที่พัก และมีการจัดการขยะและการนำขยะกลับมาใช้ใหม่ นอกจากนี้ รีสอร์ทยังสนับสนุนชุมชนในพื้นที่ให้การและผ่านมูลนิธิของตน ซึ่งสนับสนุนโครงการต่างๆ เช่น โครงการด้านการศึกษาและการดูแลสุขภาพ
Barefoot Luxury
หนึ่งในลักษณะเด่นของ Soneva Kiri คือแนวคิด Barefoot Luxury ที่หมายถึงการสร้างบรรยากาศการพักผ่อนที่เป็นกันเองและไม่ต้องกังวลเรื่องการแต่งกาย แขกสามารถเดินเท้าเปล่าได้ตลอดเวลา และพนักงานในรีสอร์ทก็เช่นกัน จึงเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าพักในการสร้างความผ่อนคลายและมีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนภาพความคิด
บริการเครื่องบินส่วนตัว
บริการเครื่องบินส่วนตัวของ Soneva Kiri เป็นหนึ่งในลักษณะเด่นของรีสอร์ท บริการนี้ให้ความสะดวกสบายให้แขกเดินทางโดยตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานส่วนตัวของรีสอร์ท โดยเครื่องบินมีขนาด 8 ที่นั่งและมีระบบอุปกรณ์ครบครัน
อัตราค่าบริการและแพ็คเกจ
อัตราค่าบริการของ Soneva Kiri ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและประเภทของที่พักที่เลือก รีสอร์ทยังมีแพ็คเกจต่างๆ เช่น แพ็คเกจฮันนีมูน และแพ็คเกจครอบครัว และแพ็คเกจที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดของรีสอร์ทคือ Barefoot Luxury Retreat
สรุป
Soneva Kiri เป็นรีสอร์ทหรูหราแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเกาะ Koh Kood ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และมีคุณภาพบริการที่สูง แนวคิด Barefoot Luxury ที่รีสอร์ทนำเสนอนั้นจะช่วยสร้างบรรยากาศการพักผ่อนที่เป็นกันเองและไม่ต้องกังวลเรื่องการแต่งกาย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและให้การบริการที่ดี และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ Soneva Kiri เป็นเรืองที่น่าสนใจและเป็นที่ต้องการของคนรักความหรูหราและการพักผ่อนที่เป็นกันเอง
คำถามที่พบบ่อย
รีสอร์ท Soneva Kiri ตั้งอยู่ที่ไหน?
Soneva Kiri ตั้งอยู่บนเกาะ Koh Kood ในแถบอ่าวไทย
Soneva Kiri มีบริการอะไรบ้าง?
Soneva Kiri มีบริการหลากหลายทั้งห้องพักและกิจกรรมต่างๆ เช่น ดำน้ำ พายเรือคายัค จักรยานฟิตเนส การเดินป่าและปีนน้ำตก และมีบริการเครื่องบินส่วนตัวเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง
ราคาของ Soneva Kiri เท่าไหร่?
ราคาขึ้นอยู่กับฤดูกาลและประเภทของที่พักที่เลือก และมีแพ็คเกจต่างๆ เช่น แพ็คเกจฮันนีมูน และแพ็คเกจครอบครัว และแพ็คเกจ Barefoot Luxury Retreat
Soneva Kiri เหมาะสำหรับใคร?
Soneva Kiri เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนแบบหรูหราและเป็นกันเอง ที่มีคุณภาพบริการสูง และชื่นชอบการผจญภัยในธรรมชาติ
Soneva Kiri มีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างไร?
Soneva Kiri มีการใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการสร้างสิ่งก่อสร้างและที่พัก มีสวนผักและผลไม้อินทรีย์ของตัวเอง จัดการขยะและนำขยะกลับมาใช้ใหม่ และสนับสนุนโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของตนเองและมูลนิธิ
รีสอร์ท Soneva Kiri มีอะไรที่น่าสนใจ?
Soneva Kiri มีแนวคิด Barefoot Luxury ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างบรรยากาศการพักผ่อนที่เป็นกันเองและไม่ต้องกังวลเรื่องการแต่งกาย และยังมีบริการเครื่องบินส่วนตัวเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง
Soneva Kiri มีบริการอาหารอะไรบ้าง?
Soneva Kiri มีร้านอาหารหลากหลายแบบรวมทั้งอาหารไทย อาหารจีน อาหารมื้อเที่ยงและอาหารยุโรป และเน้นการใช้วัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติและออร์แกนิกเพื่อสร้างอาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ
Soneva Kiri สุดยอดรีสอร์ทเกาะกูด บินส่วนตัว เดินเท้าเปล่า คืนละ 500,000!? [VIDEO]
ที่นี่คือ Soneva Kiri เป็นรีสอร์ทสุดหรูที่ตั้งอยู่บนเกาะกูด จังหวัดตราด ซึ่งผมคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นรีสอร์ทที่ให้ประสบการณ์ที่แปลก และแตกต่างที่สุดแห่งนึงที่ผมเคยพบเจอมา
เราเดินทางมาที่นี่ด้วยเครื่องบินส่วนตัว มาลงที่รันเวย์ของตัวรีสอร์ท ที่สร้างไว้เพื่อให้เครื่องบินลงจอดโดยเฉพาะ ในตัวรีสอร์ทมี Time Zone เป็นของตัวเองที่เร็วกว่าโลกภายนอก 1 ชั่วโมง และเมื่อมาถึงที่นี่เค้าจะให้เราถอดรองเท้า เดินเท้าเปล่าตลอดทั้งรีสอร์ท !?
ราคาที่พักของที่นี่ไม่ธรรมดาเลย ช่วง High Season ที่นี่เริ่มต้นที่คืนละประมาณ 40,000 ไปจนถึงคืนละประมาณ 500,000 บาท! ซึ่งหลังจากที่ได้มาพักแล้ว ต้องบอกว่าประสบการณ์ที่ได้จากที่นี่ ไม่เหมือนที่อื่นจริงๆ
ในคลิปนี้มีรายละเอียดเยอะมากที่ผมอยากจะเล่าให้ฟัง จะเป็นยังไง ไปชมกัน!
เนื้อหาของวิดีโอ Soneva Kiri สุดยอดรีสอร์ทเกาะกูด บินส่วนตัว เดินเท้าเปล่า คืนละ 500,000!?
รีสอร์ทที่เราอยู่ตอนนี้นะครับมีชื่อว่าโซเนวาคีรีครับเป็นรีสอร์ทสุดหรูที่ตั้งอยู่ที่เกาะกูดจังหวัดตราดประเทศไทยเราซึ่งที่นี่นะครับเป็นรีสอร์ทที่แปลกแล้วก็มีเอกลักษณ์ที่สุดแห่งหนึ่งที่เคยได้ไปมาเลยซึ่งมันแปลกยังไงนะครับเราอยู่กันที่เกาะกูดใช่ไหมครับแต่เราไม่ได้นั่งเรือมาเมื่อเราจองที่พักกลับตอนไหนว่าเขาจะพาเราขึ้นเครื่องบินส่วนตัวนะครับมาลงที่รันเวย์ส่วนตัวในรีสอร์ทที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อให้เครื่องบินลงจอดกำลังจะมาถึงที่นี่ปุ๊บเขาจะให้เราถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าทั้งรีสอร์ทแล้วนอกจากนั้นเนี่ยเขาจะให้เราปรับเวลาให้เร็วขึ้นอีก 1 ชั่วโมงนะครับเพราะเขาบอกว่าโซเนวามีไทม์โซนเป็นเพลงและไม่ต้องยุ่งซึ่งที่นี่นะครับมีรายละเอียดต่างๆอีกเยอะแยะมากมายเลยที่ผมอยากจะเล่าให้ทุกคนฟังจะเป็นยังไงไปส่งกันก่อนที่ผมจะพาไปดูทั้งหมดของรีสอร์ทนะครับอยากจะขอเล่าประวัติของที่นี่ให้ฟังก่อนนะครับPhilodendron รีสอร์ทระดับ World Class เลยนะครับซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1995 ที่ประเทศเมาที่มาของชื่อ Sony ว่าได้มาจากชื่อของสองสามีภรรยาผู้ก่อตั้งนะครับก็คือคุณสนุกกับคุณเอวาทั้งคู่เนี่ยมีจุดประสงค์อยากจะสร้าง sustainable tourism destinations นะครับหรือว่าเป็นรีสอร์ทที่มีการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้วยนะโดยให้แขกที่เข้ามาพักเนี่ยได้สามารถสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนที่หรูหราแต่ในขณะเดียวกันเนี่ยก็สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืนปัจจุบันโซเนวามีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 แห่งนะครับแห่งแรกคือโซเนวาฟูชิแห่งที่ 2 คือ Sony ว่าจะนี่ซึ่งทั้งสองแห่งนี้จะอยู่ที่มัลดีฟนะครับและแห่งที่ 3 ก็คือโซเนวาคีรีซึ่งตั้งอยู่ที่ที่ประเทศไทยแห่งนี้นั่นเองพื้นที่ของโซเนวาคีรีนะครับตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกูดจังหวัดตราดรีสอร์ทในมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 150 ไร่ปัจจุบันมีวิลล่าอยู่ทั้งหมด 34 หลังนะครับเริ่มต้นตั้งแต่ขนาด 1 ห้องนอนไปจนถึงห้องนอนเลยจุดแรกสุดที่อยากจะพามาดูนะครับคือบริเวณท่าเรือของตัวรีสอร์ทนะครับอย่างที่บอกไปตอนแรกว่าเราจะนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาเครื่องเนี้ยจะออกจากสุวรรณภูมิบินมาลงที่เกาะไม้ซี้นะครับซึ่งเกาะไม้สีเนี่ยจะเป็นเกาะที่อยู่ข้างๆกับตัวรีสอร์ทแล้วก็ทั้งเกาะไม่มีอะไรเลยมีแค่รันเวย์นะครับที่เขาสร้างเอาไว้ให้เครื่องบินบินมาลงจอดแล้วพอหลังจากเครื่องบินจอด Facebookเขาก็จะพาเรานั่งสปีดโบ๊ทนะคะใช้เวลาประมาณสักนิดถึง 10 นาทีเนี่ยมาจอดบริเวณท่าเรือตรงนี้แล้วก็ขนของขนเป็นอันว่าเรามาถึงตัวรีสอร์ท sotusคอนเซ็ปอย่างนึงของตัวรีสอร์ทแห่งนี้นะครับคือ No Newsสิ่งแรกสุดที่เขาอยากจะให้เราทำนะคือการถอดรองเท้าเมื่อมาถึงสาเหตุที่เขาให้ถอดเพราะว่าเขาอยากให้เราเดินเท้าเปล่าเท้าเราจะได้สัมผัสกับความธรรมชาตินะครับเดินไปเจอหินเจอทรายแล้วก็สิ่งปลูกสร้างต่างๆที่อยู่ในรีสอร์ทแห่งนี้ส่วนใหญ่จะทำด้วยไม้หมดนะครับแล้วก็ถ้าเกิดเราสังเกตเนี่ยเขาจะไม่ได้ทาสีเพราะว่าเป็นการลดปริมาณการใช้แล้วก็ในรีสอร์ทพลาสติกซีลคือไม่มีการการใช้พลาสติกเพื่อที่จะเป็นการไม่ทำลายทำไมส่วน Concept อีกอย่างนึงนะครับก็คือโดนนิวนะครับอยู่ที่เนี่ยเขาจะมีความแบบอยากจะให้เราตัดขาดจากโลกภายนอกระดับแล้วก็รับรู้ข่าวสารอาหารเกี่ยวกับข้างนอกให้ได้น้อยที่สุดเพื่อที่เราจะได้สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มดังนั้นมันเลยมีอย่างนึงที่ผมว่าโรงแรมอื่นๆหรือรีสอร์ท 1ไม่ค่อยมีก็คือห้องสมุดคืนหนังสือเนี่ยมันจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราโฟกัสจดจ่ออยู่อยู่กับตัวเองได้แล้วก็เราจะแตะมือถือหรือน้อยลงจับมือเขาก็เลยมีมุมให้เราสามารถไปยืมซึ่งมันเป็นสิ่งที่มีไม่กี่ที่หรอกที่เขาจะมีโทรทัศน์เข้ามาด้านในนะครับตรงจุดที่ผมอยู่ตรงนี้จะเป็นเหมือนกับ Center ตรงกลางของตัวรีสอร์ทตรงนี้จะเป็นส่วนที่เขามีแฟซิลิตี้ต่างๆล้อมรอบอยู่ตอนนี้นะมีทั้งร้านอาหารมีทั้งร้านขายของมีเหล้ามีอะไรบ้างซึ่งสิ่งหนึ่งที่ที่เนี่ยจะแตกจากที่อื่นคือที่จะไม่มีล็อบบี้นะครับคือ Lobby เนี่ยเขามองว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นมากรักนะครับแต่สิ่งที่จำเป็นกว่าคือพนักงานต้อนรับต่างหากแขกทุกคนจะมี Butler ส่วนตัวนะครับที่เขาเรียกว่าแบบฟุตบอลนะครับหรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า FridayFriday ของเราเนี่ยเขาจะเป็นคนที่คอยต้อนรับเราตั้งแต่เราลงจากเรือมาเลยนะครับแล้วก็ระวังทางที่เราใช้ชีวิตอยู่ในรีสอร์ทเขาจะเป็นคนคอยอำนวยความสะดวกทุกอย่างอยากได้อะไรบอกเขาดูแลเราจนกระทั่งกลับบ้านเลยเดินเข้ามาตรงนี้นะครับตรงนี้จะเป็นศูนย์ของครูบานะที่มีชื่อว่าArizonaSolstice นะครับเป็นบางที่ชื่อยาวมากตรงจุดนี้มันจะอยู่ติดกับสระว่ายน้ำของโรงแรมนะฮะแล้วก็จะมองเห็นวิวทะเลที่มันสวยงามมากๆเลยแขกก็สามารถมาจิบเครื่องดื่มกินอาหารพักผ่อนตรงนี้ได้นะครับConcept ของการกินใน Sony ว่าทุกคนเขามีร้านอาหารอาหารให้แขกเลือกได้หลายร้านเลยนะครับไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยอาหารฝรั่งซีฟู้ดนะครับมีให้เลือกหลายแบบแล้วนอกจากนั้นเนี่ยวิธีการกินเขาเป็น Concept แบบ all dayAny where any time นะครับคือเราจะกินตรงไหนก็ได้ตอนเช้าเราจะให้เขาไปตั้งโต๊ะตรงริมท่าเรือดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้วก็กินข้าวเช้าไปด้วยตอนกลางวันเราจะขึ้นไปบนฟรีพอร์ตกระเช้าต้นไม้ซับสนุ่นทีก็ทำได้หรือว่าตอนเย็นเราจะรอล่องเรือไปตั้งโต๊ะปิคนิคริมชายหาดเปิดแคมเปญดูพระอาทิตย์ตกก็ทำได้นะครับแล้วตัว Concept ออลเดย์ของเขานะทุกคนคือมันเอาจริงคือนอกจากอาหารอาหารก็จะเสิร์ฟตลอดเวลาแหละตรงจุดที่ผมอยู่ตรงนี้จะเป็นลาวที่มีชื่อว่า Socialโซชิลเนี่ยเขาจะเสิร์ฟตลอดทั้งวันตั้งแต่ 11:00 น จน5 ทุ่มนะทุกคนคือถ้าเกิดเราอยากกินขนมหวานแม่สามารถมาหยิบกินตรงนี้ได้เลยแล้วข้างๆกันจะมีชิซูโอกะที่ข้างในจะมีเสิร์ฟชีสแล้วก็ Cold cutก็จะตลอดแล้วก็ใกล้ๆกับปลาร้านะจะมีแฟนอีกอันหนึ่งที่ผมไม่เคยเห็นที่โรงแรมน่ะนั่นก็คือ of cervical นั้นคนหรือว่าหอดูดาวนั่นเองนะครับข้างบนน่าจะมีกล้องดูดาวอยู่นะคะแล้วก็ตัวหลังคามันจะหมุนได้ 36010 องศาเลยเลยนะครับเพื่อที่จะให้ดูดาวตรงไหนไหนบนท้องฟ้าก็ได้นะฮะในวันที่ฟ้าเปิดทุกคนตรงนี้มันคือเกาะจุดที่ Lifeยังนะเนี่ยเราสามารถมองเห็นเห็นดาวได้แม้กระทั่งตาเปล่าเปิดใช้กล้องก็จะเห็นชัดแล้วผมว่าอันนี้มันเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างที่จะWhereสำหรับคนเมืองดังนั้นรีสอร์ทเขาก็รู้ว่าอันนี้มันเป็นสิ่งที่พิเศษก็เลยลงทุนกับ80เดินผ่านเข้ามาอีกนิดนึงนะครับจะเจอกับห้องอาหารอาหาร The dining Roomร้านอาหารนี้จะเป็นจุดที่เขาใช้เสิร์ฟอาหารบรรยากาศก็จะต้องมาเป็นแนวแบบฟิชเชอร์แมนวิลเลจมีอีกอย่างหนึ่งเรื่องที่อยากจะเล่าให้ฟังทรัพยากรธรรมเขาซีเรียสมากๆยำผักสลัดที่เขาเสิร์ฟคือเขาปลูกเองนะทุกคนมีฟาร์มผักของตัวเองอาหารทะเลเนี่ยเขาก็จับเองนะครับน้ำเปล่าเขาก็ทำเองนะครับแม้แต่ sparkling Water ยังอัดแก๊สเองเลยนอกจากนั้นเขายังมีเรื่องการจัดการของเสียที่ทำเองเมื่อเขาทำทั้งหมดครบจบในทุกคนมันจะเกิดระบบนิเวศภายในที่มันไม่ต้องไปพึ่งพาทรัพยากรธรรมข้างนอกนะครับดังนั้นนี่แหละคือ Eco friendly ที่แท้แน่นอกจากที่พูดมาทั้งหมดไปหาภายในโรงแรมยังมีแอร์ City อื่นๆอีกเยอะแยะมากมายเลยนะซึ่งผมจะยกตัวอย่างให้ฟังนะที่นี่จะมีเด่นจะเป็นสนามเด็กเล่นนะฮะZenfone Playground ให้เด็กมาวิ่งเล่นได้ซึ่งเขาจะทำเป็นเหมือนกับแบบเป็นฐานทัพลับของเด็กเด็กอะไรแบบนี้นะอันที่ 2 คือ Cinema พาราดิโซซึ่งจะเป็นโรงหนังกลางแปลงทุกคนแล้วก็เขาจะเปิดช่วงตอนไหนกลางคืนนะสามารถมานั่งดูหนังในบรรยากาศที่มันโรแมนติกมันติดได้แล้วสุดท้ายก็คือจุดที่ผมอยู่ตรงนี้ก็คือสปานะครับก็จะเป็นWellness Center ของตัวโรงแรมซึ่งเขาให้ความสำคัญพื้นที่ตรงนี้ใหญ่มากๆนะคะสามารถมาสปามาออกกำลังกายโยคะรับฟิตเนสเลยดังๆได้แล้วก็จะมีจุดที่สามารถมองเห็นวิวทะเลต่อไปนะครับทุกคนผมจะพาทุกคนไปดูพื้นที่ของโซน Villa ก็คือห้องพักของของที่นี่กันบ้างนะระหว่างทางที่เราไปเนี่ยเราจะต้องนั่งรถบักกี้นี้เข้าไปนะขายรถกอล์ฟนะครับเพราะว่าวิลล่าแต่ละอันอยู่ห่างระหว่างทางคือมันจะเป็นพื้นที่แบบเป็นป่าเลยอ่ะทุกคนคือตอนคืนนี้จะปิดไฟมืดหมดเลยนะแทบจะมองไม่เห็นพื้นที่มันเป็นป่าจริงๆคือเขาพยายามจะรักษาสภาพธรรมชาติของเอาไว้ให้เร็วที่สุดนะครับจะได้ยินเสียงแมลงอย่างที่ทุกคนได้ยินแล้วก็ตัวที่พักของที่นี่มีเริ่มต้นตั้งแต่ขนาด 1 ห้องนอนนะครับพื้นที่ประมาณ 450 ตารางตารางเมตรราคาเริ่มต้นประมาณซัก 4 หมื่นกว่าบาทไปจนถึงห้องวิลล่าแบบ 6 ห้องนอนพื้นที่แบบ 30 ตารางเมตรคือประมาณสัก 500ก็มีแล้วแต่ว่าสมาชิกที่มาเนี่ยจะมีกี่คนเขาก็จะมีห้องให้เลือกหลากหลายแบบวิลล่าหลังที่ผมจะพาทุกคนมาดูนี้นะครับเป็นวิลล่าเบอร์เป็นวิลล่าที่ใหญ่ที่สุดในโรงแรมแอมนะครับทางเดินที่ผมเดินอยู่ตรงนี้เป็นแค่ทางเข้านะฮะนี่เรากำลังจะเดินเข้าสู่พื้นที่ของวิลล่าและวิลล่าแห่งนี้ครับเป็นวิลล่าขนาด 6 ห้องนอนคนพื้นที่ 2928 ตารางเมตรซึ่งมีขนาดใหญ่มากๆเลยนะฮะราคาห้องพักคืนเดียวอยู่ที่คืนละ50,000 บาทนอน 2 คืนก็ประมาณล้านนึงแล้วนะทุกคนแล้วก็เวลาเราเดินเข้ามานะครับเราจะพบกับเธอพื้นที่ Common area ที่มันใหญ่นะครับแล้วก็มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่นะฮะเวลาเราว่ายน้ำเราจะมองเห็นเห็นวิวทะเลยังตัวบ้านหลังนี้ความพิเศษของเขาเลยมันเป็นบ้านที่ถูกยกสูงขึ้นมาเพราะว่าข้างล่างจริงมันแต่พอถูกยกสูงขึ้นมาปุ๊บเนี่ยพื้นที่ของบ้านมันจะสามารถมองข้ามยอดไม้บริเวณนี้นะฮะเห็นทะเลอย่างชัดเจนแล้วก็ฝั่งนี้เป็นทิศตะวันตกด้วยงั้นก็จะสามารถชมตะวันไปรษณีย์ที่อยู่ด้านข้างของตัวสระว่ายน้ำเนี่ยก็จะมี Sundayนับเป็นพื้นที่นอนอาบแดดเรียงกันฮะพื้นที่ตรงนี้สามารถบรรจุคนได้ 100 คนผมว่าบ้านยังดูหลวมเลยอ่ะทุกคนแล้วก็ข้างหลังตรงนี้จะมีสั่งเข้มสีนะครับเป็นเหมือนกับพื้นที่นั่งปาร์ตี้ Outdoor ช่วงพระอาทิตย์ตกที่ให้แบบมานั่งจิบแชมเปญAndroid Pieผิดกันได้แล้วเดินเข้ามาด้านในนะครับIndoor ก็จะมีโต๊ะรับประทานอาหารอาหารที่วางอยู่ประมาณสัก 10 ที่นั่งให้สามารถมานั่งกินข้าวแบบพ่อเพิ่มขึ้นมาได้นะด้านข้างจะมีแพลนฟรีมีห้องครัวที่สามารถจัดเตรียมอาหารอาหารได้ครึ่งทางกันไม่พอนะทุกคนชั้น 2 นะเขาจะมี Living areaอีกชุดนึงนะครับที่สามารถขึ้นไปนั่งลงข้างบนเนี่ยก็สามารถมองเห็นวิวทะเลได้สวยเหมือนกันนะฮะคือเขาทำทั้งหมดนี้เผื่อไว้ว่าเราจะมีแขกมากันรวมรวมกันหลายกลุ่มมีแบบ2 บ้าน 2 ครอบครัวบ้างหรือบางทีแบบแก๊งคุณพ่อคุณแม่แก๊งนึงแก๊งลูกอีกแก๊งนึงอยู่ข้างบนก็สามารถทำได้นะครับแล้วก็ภายในบ้านเนี่ยยังมีห้องอเนกประสงค์อีกเยอะแยะมากมายเลยนะครับที่เขาจะเตรียมเอาไว้เผื่อว่าเราจะปรับเป็นฟังก์ชันอื่นมีทั้งห้อง Game room พื้นที่ทำสปามีร้านบาร์บีคิวซึ่งพื้นที่ทั้งหมดมันยังเหลืออีกเยอะเยอะมากเลยนะครับจัดเฟอร์นิเจอร์แบบหรูๆเลยเพื่อให้คนที่มาพักผ่อนจะได้ไม่รู้สึกแบบฝึกหัดภายในวิลล่าแห่งนี้ทุกคนเขาจะมีห้องนอนอยู่6 ห้องใช่ไหมครับซึ่งแต่ละห้องเนี่ยมันเหมือนกับเป็นบ้านเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในบ้านหลังใหญ่อีกทีนึงนะครับแล้วก็ยังตรงจุดที่ผมอยู่ตรงนี้จะเป็นเหมือนกับบ้านหลังหนึ่งใช่ไหมที่มีห้องนอนอยู่อยู่ข้างล่างอยู่นิดนึงแล้วก็ข้างบนมีอีกอยู่นิดนึงทุกห้องเลยจะสามารถมองเห็นเห็นวิวทะเลได้เหมือนแล้วก็ขนาดนี้ฝืนขี้หมาใหญ่แต่มันจะมีห้องพิเศษซึ่งจะเป็นห้อง Master Bedroomอีกฝั่งนึงด้วยเดี๋ยวเขาพาไปดูตัวห้องมาซะ Bedroom เนี่ยทุกคนมันจะเป็นห้องนอนพิเศษนะครับที่จะมีระเบียงส่วนตัวของตัวเองนะฮะเวลาเดินออกมาปุ๊บจะเจอสระน้ำส่วนตัวของตัวเองด้วยนะฮะซึ่งจะนี้จะแยกกับสระอันใหญ่แล้วก็มีความพิเศษอีกคือจะมีสไลเดอร์ส่วนตัวนะครับสไลเดอร์เนี่ยจะเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ของบ้านของ soniya ทุกๆที่เลยนะครับว่าถ้ามีสไลเดอร์เนี้ยมันจะแบบเป็นเอกลักษณ์ของโซเนวาแล้วเวลาเราเดินออกมาตรงนี้มันก็สามารถมานั่งเล่นตรงนี้ได้แล้วก็มองเห็นวิวทั้งหมด2 ตัวบนล่างแล้วนอกจากนั้นเนี่ยตัว Master Bedroom เนี่ยกรณีที่มากันเป็นครอบครัวแล้วเป็นผู้ใหญ่ที่มีเด็กนะฮะเด็กๆสามารถนอนบ้านหลังเล็กที่อยู่ติดกันFree House ได้นะครับFree House เปิดประตูออกมาปุ๊บจะกระโดดลงสไลเดอร์ได้Ok ครับทุกคนตอนนี้เราก็เดินชมรีสอร์ทจนทั่วเลยนะครับเลข 1 จุดที่ยังไม่ได้พามาดูนะคะก็คือตรงจุดที่ผมนั่งอยู่นะครับซึ่งตอนนี้เขาจะเรียกว่าNot BeachNot Beach เป็นหาดอีกจุดหนึ่งที่อยู่ห้างมาจากตัวรีสอร์ทน่าจะต้องนั่งเรือมาเป็นหาดส่วนตัวเล็กๆนะที่มุมตรงนี้สวยมากเลยเพราะว่าจะเป็นจุดที่มองเห็นพระอาทิตย์ตกดินด้วยนะครับแล้วก็หาดทรายตรงนี้เป็นทรายสีขาวแล้วก็นุ่มละเอียดมากๆเลยนะครับน่ามาเล่นน้ำตอนกลางวันเขาบอกว่าน้ำตรงนี้จะใสมากในช่วงเวลาที่เป็นแบบช่วงเทศกาลหรืออะไรพวกเนี้ยเขาจะมีการจัดอีเว้นท์ตรงนี้ด้วยนะครับช่วงปีใหม่ช่วงอะไรจากการที่ได้ดูโซเนวาคีรีทั้งหมดนะผมอยากจะบอกว่าที่นี่ประสบการณ์มันแตกต่างมากเลยแล้วก็มันมีรายละเอียด Detailอีกเยอะแยะมากๆที่ผมไม่สามารถเล่าทั้งหมดให้ทุกคนฟังไม่เคยได้นะผมอยากจะบอกว่าจุดประสงค์หลักอันนึงที่เขาทำทั้งหมดเนี่ยเขาเพื่อต้องการที่จะผมใช้คำว่าดีฟายคำว่า luxury ขึ้นมาใหม่คือรักมีของเสน่ห์ว่าไม่ใช่การตกแต่งสถานที่ที่อลังการไม่ใช่การใช้วัสดุหายากไม่ใช่การกินของแพงๆหรือว่าการอยู่อย่างราชาอะไรแต่คำว่ารักที่แท้จริงของ soniaมันคือความรู้ครับมันคือประสบการณ์ที่เราได้มาสัมผัสในสถานสถานที่นานๆได้เรียนรู้ถึงบริบทของมันได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นที่โดยปกติแล้วอ่ะเงินมันไม่สามารถซื้อได้มันจะต้องมาแล้วก็สัมผัสด้วยตัวเราเป้าหมายสูงสุดของเขาจริงๆอ่ะมันคือเพื่อให้เราดิได้มาอยู่กับตัวเองได้มาอยู่กับธรรมชาติแล้วก็ได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของมันแล้วก็เห็นคุณค่าที่จะปกป้องมันแล้วเขาเลือกที่จะบอก Message เหล่านี้ไปยังกลุ่มคนที่มีอยู่เพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์บนโลกที่สามารถ affordสิ่งเหล่านี้ได้เพื่อที่จะให้คนกลุ่มนี้เด็กเกิดไร้ใจออกมาแล้วไปปกป้องธรรมชาติด้วยมือของเขาอีกทีนึงแล้ววันนี้ต้องขอขอบคุณทางโซเนวามากๆนะที่ให้ผมแล้วก็ทีมงานนะครับได้มีโอกาสเอาเรื่องราวดีๆของเขามามาถ่ายทอดให้ทุกคนฟังตอนหน้าจะพาไปที่ไหนอีกต้องกดติดตามวันนี้บุณฑริกต้องขอลาไปก่อน